Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 ตุลาคม 2548
พรีมาเวสท์ติดเครื่องไพรเวทฟันด์ ชิมลางลูกค้ารายย่อย10ล้านขึ้นไป             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรีมาเวสท์ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

พรีมาเวสท์, บลจ. - Prima Vest
เพิ่มพล ประเสริฐล้ำ
Funds




พรีมาเวสท์เดินหน้าลุยกองทุนส่วนบุคคล ประเดิมลูกค้ารายย่อยเป็นการชิมลาง โดยรับบริหารเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เน้นทำการตลาดควบคู่กองทุนรวม หวังให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ขณะที่ลูกค้าสถาบัน ระบุหากมีโอกาสยินดีบริหารโดยไม่จำกัดหน่วยงาน พร้อมตั้งเป้าดึงเม็ดเงินเข้าพอร์ต 100 ล้านบาทภายในสิ้นปี

นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้รับใบอนุญาตการบริหารธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund ) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวแล้ว ซึ่งการทำตลาดในเบื้องต้นจะเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นรายย่อยก่อน โดยจะรับบริหารเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

ทั้งนี้ ในการเริ่มต้นทำธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะทำการตลาดโดยใช้การแนะนำธุรกิจดังกล่าวควบคู่กับธุรกิจกองทุนรวมผ่านทางตัวแทนการขายที่ทำอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มบุคลากรหรือตัวแทนการขายเพิ่มขึ้น แต่จะให้กองทุนส่วนบุคคลเป็นทางเลือกการลงทุนทางหนึ่งสำหรับลูกค้า

นายเพิ่มพลกล่าวว่า หลังจากทำการตลาดไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี แต่ยังมีจำนวนที่ไม่มากนัก เนื่องจากเป็นช่วงของการเริ่มต้นจริงๆ โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีพอร์ตการบริหารสำหรับกองทุนส่วนบุคคลประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะเน้นลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก ส่วนลูกค้าสถาบันนั้นก็ให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะทำการตลาดควบคู่ไปด้วย โดยไม่จำกัดทั้งเอกชน นิติบุคคลหรือสหกรณ์ที่สนใจ

สำหรับรูปแบบการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคลนั้น จะมีทั้งการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้และกองทุนผสม ซึ่งจะให้ลูกค้าแต่ละคนเป็นผู้เลือกรูปแบบการลงทุนเอง เพื่อให้เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละคนด้วย

ส่วนแนวโน้มของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล เชื่อว่ายังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่โตเท่ากับธุรกิจกองทุนรวม เนื่องจากมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของกองทุนรวมนั้นอาจจะมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนมีการลงทุนตรงด้วยตัวเองอยู่แล้ว

นายเพิ่มพลกล่าวต่อว่า สำหรับแผนและเป้าหมายของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลในปีหน้า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการกำหนดตัวเลขเพื่อเสนอบอร์ดอีกครั้ง ซึ่งในแนวทางการขยายตลาด คงจะใช้รูปแบบเดิมคือการขายกองทุนรวมควบคู่กับกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งในส่วนของกองทุนรวมนั้นเชื่อว่ายังจะได้รับความสนใจและขายง่ายกว่า ทั้งกองทุนรวมหุ้นระยะยาวและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ในส่วนกองทุนส่วนบุคคลจะเป็นลูกค้ากลุ่มเฉพาะ ซึ่งผู้ลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจด้วย


ทั้งนี้ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน รายงานมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนบุคคลสิ้นสุดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 137,193.18 ล้านบาท จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์จำนวน 26 แห่ง โดยบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 5 อันดับแรก ประกอบด้วย อันดับ 1. คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ซึ่งมีพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริการทั้งสิ้น 42,477.26 ล้านบาท


สำหรับอันดับ 2. คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 19,621.67 ล้านบาท อันดับ 3. ธนาคารกรุงเทพ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 17,126.20 ล้านบาท อันดับ 4. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 14,762.57 ล้านบาท และอันดับ 5. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยาเจเอฟ จำกัด ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารทั้งสั้น 9,087.75 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us