ทศท สอนมวย "ทีเอ" คราวหน้าคราวหลังทำหนัง สือให้ระบุชื่อ "ทีเอ"
ให้ชัดเจน ไม่ ใช่ใช้บริษัทลูกที่ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ กรณี AWC อ้างความเดือดร้อนลูก
ค้า ขอขยายเครือข่ายภูมิภาค หากทศท ไม่ยอมจะคืนบริการพร้อมเรียกค่าเสียหาย
ด้านทศท พร้อมอ้าแขนรับหากเลิกบริการจริง หรือเปลี่ยนมาใช้ไทยโมบายล์ เตรียมเปิดตัว
27 พ.ย. ลูกค้าพีซีที ที่ไม่มั่นใจมางานนี้มีโปรโมชั่นเด็ด
แหล่งข่าวจากบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทศท ได้ทำหนังสือถึงบริษัท
เทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทีเอผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน
2.6 ล้านเลขหมายในกรุงเทพฯ ลงวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าต่อไปหากทีเอจะต้องการติดต่อกับทศท
เพื่อให้เกิดความถูกต้องและเป็นการหลีกเลี่ยงความสับสนที่ อาจเกิดขึ้นในอนาคตให้ทีเอติดต่อภายใต้ชื่อทีเอเท่านั้น
การที่ทศททำหนังสือดังกล่าวแจ้งไปยังทีเอ เป็นเพราะว่ากรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท เอเชีย ไวร์เรส คอมมิวนิเคชั่นหรือ AWC นายวิเชาวน์ รักษ์พงษ์-ไพโรจน์
ได้ทำหนังสือถึงทศทเพื่อ ขอหารือปัญหาการให้บริการพีซีที โดยประเด็นสำคัญ
ของหนังสือลงวันที่ 6 พ.ย.อ้างถึงข้อจำกัดในพื้นที่ใหับริการพีซีที เป็นอุปสรรคสำคัญทำให้พีซีทีไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
เนื่องจากลูกค้าพีซีทีต้องการนำเครื่องไปใช้ยังส่วนภูมิภาคด้วย และ จากการที่บริษัท
ทีทีแอนด์ที ได้สิทธิการให้บริการ พีซีทีในภูมิภาค ทำให้ลูกค้าคาดหวังว่าสามารถนำ
พีซีทีในโครงข่ายทีเอหรือทศท ไปใช้ยังภูมิภาคได้ หรือลูกค้าพีซีทีในเขตภูมิภาคก็สามารถมาใช้ในกรุงเทพฯได้
แต่ปรากฏว่าระยะเวลาผ่านมานาน แต่ไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการให้บริการพีซีทีในเขตภูมิภาค
ทำให้ลูกค้าพีซีทีหลายรายยกเลิกใช้บริการ ซึ่งหากเหตุการณ์ยังเป็นไปในทำนองนี้จะเกิดผลกระทบธุรกิจพีซีทีอย่างมาก
จนทำให้ทีเอและ AWC ไม่สามารถแบกรับภาระความเสียหายต่อไปได้ จำเป็นต้องส่งมอบการให้บริการพีซีทีคืนทศท
พร้อมทั้งใช้สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป บริษัทจึงต้องการหารือกับทศทเร่งด่วนเพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้บริการ
หลังจากทศทได้หนังสือจาก AWC จึงส่งเรื่องไปยังสำนักกฎหมาย เนื่องจาก AWC
ไม่ได้เป็นคู่สัญญาการให้บริการพีซีทีกับทศท ซึ่งสำนักกฎหมายเห็นว่า AWC
ไม่ได้มีสิทธิและหน้าที่จะขอหารือเพื่อทำความตกลงใดกับทศทในการให้บริการพีซีที
เพราะ AWC ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ใดกับทศทในการให้บริการพีซีทีตามที่ AWC อ้างถึง
อย่างไรก็ตาม หากทีเอต้องการขยายพื้นที่ให้บริการพีซีทีไปสู่ภูมิภาค ก็สามารถทำได้โดยต้องเป็น
การให้ความเห็นชอบ 3 ฝ่ายคือทศท ทีทีแอนด์ที และทีเอ เนื่องจากสัญญาได้เปิดช่องไว้ว่า
หากทศทและผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานใช้นอกสถานที่ในเขตภูมิภาคให้ความเห็นชอบ
ทีเอจึงจะสามารถขยายบริการไปภูมิภาคได้
สำนักกฎหมายยังให้ความเห็นว่า เมื่อ AWC ไม่มีนิติสัมพันธ์กับทศทแล้ว ย่อมไม่มีอำนาจในการขอบอกเลิกสัญญา
หรือคืนบริการ รวมทั้งเหตุผลที่อ้างว่าบริการพีซีทีไม่ได้รับความนิยมเป็นเพราะข้อจำกัดในพื้นที่ให้บริการเฉพาะกรุงเทพฯ
ก็ไม่ใช่ความ ผิดของทศท ที่จะนำมาใช้เป็นเหตุผลในการบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้
สำนักกฎหมาย มีความเห็นว่าหนังสือหารือ ของ AWC ไม่มีความจำเป็นที่ทศทต้องตอบข้อหารือดังกล่าว
เพราะไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน แต่ เป็นที่ทราบกันดีว่า AWC เป็นบริษัทลูกของทีเอ
ซึ่งหากทศทเห็นว่าการขยายบริการพีซีทีไปภูมิภาคจะเป็นประโยชน์กับทศท ก็สามารถจัดประชุมร่วมกัน
3 ฝ่ายดังกล่าวได้
ทศทจึงทำหนังสือตอบกลับไปยังทีเอ โดยระบุว่า ต้องการให้ทีเอแจ้งความต้องการที่ชัดเจน
เพื่อทศทจะได้ดำเนินการต่อไป
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทศทถือว่าสอนมวยทีเอ กลับไปว่า การทำหนังสือติดต่อกันควรให้คู่สัญญาเป็นผู้ดำเนินการ
ไม่ใช่บริษัทให้บริการ เท่ากับเป็น การนับหนึ่งใหม่ให้ทีเอทำหนังสือกลับมาอีกครั้ง
รวมทั้งกรณีท่าทีของทีเอที่ต้องการขยายเครือข่ายพีซีทีไปภูมิภาค ในขณะที่ใช้เงื่อนไขบังคับว่าหากไม่ได้
ก็จะคืนบริการพร้อมทั้งจะเรียกค่าเสียหาย ฝ่ายกฎ หมายทศทก็พิจารณาแล้วว่าไม่น่าจะทำได้
เพราะตอน ทำสัญญาตามข้อ 2.8 ก็ยอมรับแล้วว่าจะสร้างเครือข่ายพีซีทีเพื่อให้บริการเฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น
"ประเด็นของทีเอต้องการขยายเครือข่าย ไปภูมิภาค โดยเอาผู้ใช้บริการกว่า
6 แสนรายมาต่อรอง โดยอ้างการคืนบริการและการเรียกร้องค่าเสียหาย"
นายมิตร เจริญวัลย์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.ทศท คอร์ปอเรชั่น
กล่าวว่า หากทีเอคืนบริการพีซีทีไม่ทำจริง ทศทโดยนายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ให้นโยบายชัดเจนว่าจะไม่ให้ความเดือดร้อนจากการคืนบริการพีซีที
ตกกับประชาชน แต่ทศทพร้อมรับลูกค้าดังกล่าวมาดูแลแทนทีเอ หรือเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์มือถือไทยโมบายในระบบ
1900 เมกะเฮิรตซ์ ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเชิงธุรกิจในวันที่ 27 พ.ย.นี้ที่
รร.สุโขทัย ซึ่งลูกค้าพีซีที หากไม่มั่นใจในบริการทีเอ ก็สามารถเข้าร่วมงานเปิดตัวดังกล่าว
เพื่อยื่นความจำนงขอใช้บริการได้ ซึ่งในช่วงนี้มีโปรโมชั่น ค่าบริการ 300
บาท โทร.ฟรี 4,000 บาท
สำหรับความคืบหน้า ไทยโมบาย ภายหลังจาก ที่มีการเพิ่มผู้แทนจากทศทอีก 1
คนในคณะกรรม การร่วมค้าหรือ Steering Committee จากเดิมที่คุณหญิงทิพาวดี
เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงไอซีที เป็นประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย ประธานบอร์ดทศท
กับกรรมการผู้จัดการใหญ่ทศท ประธานบอร์ดกับผู้ว่าการกสท. หลังจากนั้นคณะกรรมการร่วมจะไปแต่งตั้งผู้จัดการที่ทำหน้าที่เป็นเลขานุการคณะกรรมการร่วมค้า
ซึ่งผู้จัดการดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานประสานงานระหว่างทศทกับกสท.ที่มีกรรมการจำนวน
10 คน ประกอบด้วยจากทศท 6 คน คือ นายสิทธิชัย, นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์, นางทัศนีย์
มโนรถ, นายสินธุนอง อังศุพานิช, นายปรีชา รักษาชาติ และนายวิเชียร นาคสีนวล
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทศท ด้านกสท.มีกรรมการ 4 คนคือ นายออมสิน, นายกิตติน,
นายวัฒนชัย และนายโกวิท
"ประเด็นสำคัญคือ ผู้แทนทศทที่เพิ่มในคณะกรรมการร่วมค้าควรเป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีอาวุโสพอสมควร
และควรทำหน้าที่เป็นผู้จัดการด้วย เพราะเท่ากับจะเป็นคนประสานงานทั้งกรรมการชุดบนและกรรมการชุดล่าง
เพื่อทำให้ไทยโมบายเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว"