|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
อุตสาหกรรมกองทุนรวมคึกคักส่งท้ายปี บลจ.เตรียมเข็นกองทุนใหม่บุกตลาดช่วงโค้งสุดท้าย หวังเพิ่มเม็ดเงินเข้าพอร์ต "วรรณ" ตั้งเป้าระดมทุนอีก 3 กองทุน ทั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ - FIF- ตราสารหนี้ ขณะที่ "แอสเซท พลัส" จ่อคิวกองทุนตราสารหนี้อีก 3-4 กองทุน มั่นใจดีมานด์ยังมีอยู่ แม้นโยบายการลงทุนไม่แตกต่างกัน
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีแผนจะออกกองทุนเพิ่มอีก 2-3 กองทุนในช่วงปลาย เดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะเป็นกองทุนอสังหาริม- ทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ประมาณ 1-2 กองทุน ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยและสำนักงานให้เช่า นอกจากนี้ ยังมีกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่มีนโยบานลงทุนให้หุ้นอีก 1 กองทุนด้วย สำหรับกองทุนตราสารหนี้นั้น ก็จะมีออกมาอีก 1 กองทุนมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลพร้อมทั้งคุ้มครองเงินต้น และมีการจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
"แม้ขณะนี้นักลงทุนต่างให้ความสนใจลงทุนในกองทุนประเภทตราสารหนี้ และพันธบัตรอยู่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่สูงมาก หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมูลค่าไม่สูงมาก นัก นักลงทุนควรหันมาลงทุนในกองทุนประเภทหุ้นบ้าง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนที่มากขึ้น" นางวิวรรณกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 1 เมื่อวันที่ 10-17 ตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนด้วยดี โดยได้รับยอดขาย 350 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 1 เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนทั้งหมดในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก รวมทั้งมีความปลอดภัย มั่นคง และมีความเสี่ยงที่ต่ำจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังจะได้รับการคุ้มครองเงินต้นตลอดระยะเวลาการลงทุน ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดา ยังไม่ต้องเสียภาษีจาก กำไรส่วนเกินทุนอีกด้วย
ด้านนายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ผู้จัดการกองทุน อาวุโส ฝ่ายการจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ในช่วงก่อนสิ้นปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดกองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-4 กองทุน มูลค่าเฉลี่ยกองทุนละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีอายุโครงการตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี
ในช่วง 2-3 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ แม้จะมีการแข่งขันกันมาก และแต่ละบริษัทจัดการกองทุนต่างก็มี นโยบายที่ไม่ค่อยแตกต่างกันนัก แต่ยังเชื่อว่าความต้องการของนักลงทุนยังมีอยู่ ประกอบกับขึ้นอยู่กับช่องทางการจำหน่ายและตัวแทนขายของแต่ละบริษัทว่าจะมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน นายสุขวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีการออกกองทุนหุ้นที่หลากหลายตามความต้องการลูกค้าแล้ว บริษัทจึงมองว่ากองทุนประเภทตราสารหนี้ยังเป็นที่น่าสนใจแก่ นักลงทุน เนื่องจากทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะเวลา 14 วัน (อาร์/พี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังสูง ผลมาจาก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น จึงเป็นต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี อีกทั้ง ธปท.ต้องการรักษาส่วนต่างกับธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ไม่ให้แตกต่างกันนัก
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธปท.ในวันนี้(19 ตุลาคม) เชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ทำ ให้อัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 3.75% และมาอยู่ที่ระดับ 4.00% ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 2 (ASP-SIF2) ซึ่งเปิดขายหน่วยลงทุนในเมื่อวันที่ 4-17 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น สามารถระดมทุนได้ประมาณ 133 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 410 ล้านบาท ซึ่งกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 2 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ มั่นคงสูง และมีการซื้อขายหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกรอบ 6 เดือน
|
|
|
|
|