Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 ตุลาคม 2548
บัวหลวงรุกดัน6บริษัทเข้าตลท. ตั้งเป้ากวาดมาร์เกตแชร์ปีหน้า4%             
 


   
search resources

หลักทรัพย์ บัวหลวง, บมจ.
ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์
Financing




บล.บัวหลวงรุกวาณิชธนกิจหลังดึงทีม "จิรายุทธ รุ่งศรีทอง" นั่งเก้าอี้เอ็มดี เตรียมดันหุ้นใหม่ 6-8 บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีหน้าแย้มหวังเป็นที่ปรึกษาบริษัทที่จะลงทุนข้ามชาติเปิดแผนดำเนินงานปี 2549 ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ 4% พร้อมลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ เปิดให้บริการซื้อขายหุ้นทางมือถือและธุรกิจให้ยืมหลักทรัพย์

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นโดยได้ดึง นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง อดีต กรรมการผู้จัดการธุรกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) หรือ US เข้ามาทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการเพื่อให้มาดูแลสายงานด้านวาณิชธนกิจ ซึ่งมี ทีมงานของนายจิรายุทธเข้ามาร่วมด้วยอีก 5 คน

การที่มีบุคลากรในสายงานวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นทำให้การจัดกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมาวาณิชธนกิจ ของบริษัทก็เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MINOR ในการระดมทุนเพื่อซื้อหุ้นไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล, ที่ปรึกษา ให้กับบริษัทอาปิโก้ไฮเทคในการระดมทุน, ที่ปรึกษาให้กับ ธนาคาร กรุงเทพในการเสนอขายหุ้นเฉพาะเจาะจงของ บริษัทเงินทุน (บง.) สินเอเซีย และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) และบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่นจำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการออกหุ้นกู้ให้กับบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จำกัด (มหาชน)

นายญาณศักดิ์ กล่าวว่าสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2549 นั้น บริษัทตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่ง การตลาด อยู่ในระดับ 4% สำหรับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ จากปัจจุบันในไตรมาส 3 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ระดับ 3.32% โดยลูกค้าสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 20% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ในระดับ 15-16%

ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจนั้นบริษัทมีแผนที่จะนำหุ้นใหม่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 6-8 บริษัท ส่วนงานที่ปรึกษา ทางการเงินอื่นจะมีอีก 3-4 บริษัทส่วนธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล นั้นบริษัทตั้งเป้าจะมีมูลค่ากองทุนภายใต้การจัดการไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทบริหารกองทุนส่วนบุคคลจำนวน 5,784 ล้านบาทและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจำนวน 1,788 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 7% เมื่อเทียบกับมูลค่ากองทุน ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2548

นอกจากนี้ บริษัทยังทำธุรกิจ ตลาดอนุพันธ์ ซึ่งบริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโบรกเกอร์แห่งหนึ่งใน ตลาดอนุพันธ์ ส่วนจะมีการดึงพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาร่วมทำธุรกิจหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทมีการขยายธุรกิจมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นแค่โบรกเกอร์ในตลาดอนุพันธ์เท่านั้น เชื่อว่ายังไม่มี ความจำเป็น แต่ถ้าทำธุรกิจมากกว่านั้นโดยซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ฯด้วยอาจจะมีการพิจารณาดึงพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาร่วม ทำธุรกิจซึ่งที่ผ่านมาก็มีต่างประเทศ หลายแห่งที่ติดต่อเข้ามา

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ยังมีแผนสำหรับโครงการ Mobile Trading ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการดูข้อมูลราคาหลักทรัพย์ผ่านโทรศัพท์มือถือและ คาดว่าจะสามารถให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านโทรศัพท์มือถือได้ภายในไตรมาส 2 ปีหน้า ซึ่งรวมถึงธุรกิจให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)ขณะนี้อยู่ในช่วงศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ คาดว่าพร้อมจะดำเนินการ ในปีหน้าเช่นเดียวกัน

นายญาณศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน นี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจาก ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ประมาณ 80% ส่วนอีก 20% เป็นรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจและอื่นๆ แต่บริษัทจะพยายามปรับสัดส่วนรายได้ให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้นโดยในระยะสั้นภายใน 2-3 ปีนี้จะให้มีรายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ ประมาณ 70% และรายได้จากวาณิชธนกิจและอื่นๆ 30% แต่ในระยะยาวรายได้จากค่านายหน้า ค้าหลักทรัพย์จะอยู่ประมาณ 60% ส่วนอีก 40% จะมาจากธุรกิจวาณิชธนกิจและอื่นๆ โดยตั้งเป้าว่าภายในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัท จะมีส่วนแบ่งการตลาดด้านนายหน้าค้าหลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับ 5%

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) นั้น บริษัท มีรายได้รวมประมาณ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ขณะเดียวกันบริษัทไม่มีรายจ่ายด้านค่าการเป็นบริษัทสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ (Broker Seat) เนื่องจากได้สิ้นสุดลงตั้งแต่กลางไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทีมวาณิชธนกิจของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงจำกัด (มหาชน) จะมีจำนวน 12 คนและรวมทีมใหม่ ที่เข้ามาอีกจำนวน 6 คนจึงทำให้ทีม วาณิชธนกิจมีทั้งหมด 18 คนซึ่งเมื่อเทียบกับงานที่มีอยู่ถือว่ามีจำนวนคนไม่มากเกินไป

ส่วนงานในปลายปีนี้ที่จะต้อง ดำเนินการคือการนำบริษัทกระเบื้อง หลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้โดยบริษัท จะระดมทุนประมาณ 300-350 ล้าน บาทและยังมีบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่นซึ่งจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในกลางเดือนธันวาคม โดยระดมทุนประมาณ 200-250 ล้านบาทและการเป็นที่ปรึกษาการออกหุ้นกู้ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนประมาณ 2,200-2,500 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้เสนอ ตัวเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทในประเทศไทย ที่มีความต้องการจะไปลงทุนในต่างประเทศซึ่งมีมูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญ สหรัฐและยังเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทจากต่างประเทศที่จะเข้า มาลงทุนในประเทศไทยซึ่งสนใจใน ธุรกิจประเภทพลังงาน โดยมีมูลค่า ประมาณ 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2549

นายจิรายุทธ กล่าวต่อไปว่า บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงจำกัด (มหาชน) ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ที่ปรึกษาทางการเงินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัดและบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแปรสภาพ รัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯได้ภายในปีหน้า

สำหรับรายได้ในส่วนของวาณิชธนกิจในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่เกิน 200 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้มากกว่าในปีนี้

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการขยายฐานลูกค้า

ทั้งในแง่ของธุรกิจวาณิชธนกิจ ที่ธนาคารกรุงเทพจะแนะนำลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทที่ต้องการระดมทุนเข้าตลาด หลักทรัพย์ฯหรือบริษัทที่จะหาพันธมิตรทางธุรกิจเป็นต้น รวมถึงธนาคารกรุงเทพก็จะแนะนำลูกค้าที่เป็นผู้ฝากเงินที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นมาเปิดพอร์ตการ ซื้อขายกับบริษัทได้เช่นกันโดยจะมีการแบ่งรายได้ร่วมกันอย่างชัดเจน

นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) จะทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับธนาคารกรุงเทพเพื่อที่จะขยายฐาน ลูกค้า ซึ่งจะเริ่มเห็นภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เช่นการออกบูท ของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ที่จะทำร่วมกับการออกบูทของธนาคารกรุงเทพในการเชิญชวนลูกค้าทำบัตรเครดิต เป็นต้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us