"ซีคอน" เร่งขยายธุรกิจครั้งแรกในรอบ 11 ปี หลังปลดแอกหนี้สิ้นปีนี้ก้อนสุดท้าย 290 ล้านบาท ปี 49 เดินหน้าธุรกิจ 5 สายงาน ทั้งค้าปลีก โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่อยู่อาศัย และที่ปรึกษาตั้งงบลงทุน 1,000 ล้านบาท ประเดิมโปรเจกต์แรกผุดโรงแรมที่ภูเก็ต เล็งซื้อที่ดินย่านส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทำเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เผยมีที่ดินในมือข้างซีคอนอีก 100 ไร่พร้อมพัฒนา รอหลังเปิดใช้สนามบิน สุวรรณภูมิ คุยฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ปีนี้กำไรกว่า 300 ล้าน คาดปีหน้าโตอีก 11%

นายตะติยะ ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เจ้าของศูนย์การค้า ซีคอน สแควร์ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนลงทุน ในปี 2549 โดยจะขยายธุรกิจในรูปแบบอื่นรวม 5 สายงาน ประกอบ ด้วย 1.ธุรกิจค้าปลีก 2.ธุรกิจโรงแรม 3. เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ 4. โครงการที่อยู่อาศัย และ 5. บริษัท ที่ปรึกษา รับวางแผนการขายและบริหารงานศูนย์การค้า โดยเบื้องต้น ตั้งงบลงทุนตลอดทั้งปีที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้สำหรับลงทุนสร้างโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต บริเวณหาดไม้ขาว บนที่ดิน 25 ไร่ มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบ เริ่มก่อสร้างในปีหน้า ส่วนอีก 500 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะผู้บริหารของบริษัท ว่า จะใช้ลงทุนในด้านใดบ้าง โดยทั้ง 5 ธุรกิจดังกล่าว จะตั้งบริษัทขึ้นมา ดูแลรับผิดชอบ 2-3 บริษัท จัดเป็น หมวดหมู่ตามความเหมาะสม

ประเดิมสร้างโรงแรมที่ภูเก็ต

การขยายการลงทุนในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของซีคอน ภายหลังจากได้สร้างและบริหารศูนย์ การค้า ซีคอน สแควร์ มาเป็นเวลา 11 ปีเต็ม ทั้งนี้เพราะเราต้องการทำให้ธุรกิจศูนย์การค้าของเรามีความมั่นคงเพียงพอ ประกอบกับ ปีนี้เป็นปีที่ซีคอนจะชำระหนี้ก้อนสุดท้ายเสร็จสิ้น กำหนดชำระคือ วันที่ 1 มกราคม 2549 ในวงเงิน 290 ล้านบาท ขณะเดียว กันก็ต้องการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ขยายงาน ออกไปในหลายสาขาธุรกิจที่มั่นคง และ บริษัทมีความชำนาญ สำหรับเงินที่จะใช้ลงทุนในปีหน้านั้น จะแบ่งเป็น 300 ล้านบาทมาจากเงินสดของบริษัทเอง ที่มีอยู่ ส่วนที่เหลือจะขอกู้จากสถาบันการเงิน

"ที่ดินที่จะสร้างโรงแรม ที่หาดไม้ขาว จังหวัด ภูเก็ต บริษัทเพิ่งซื้อมาในปีนี้ที่วงเงิน 150 ล้านบาท ซึ่งยังบอกรายละเอียดไม่ได้ว่า เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะบริหารเอง หรือใช้เชนในการบริหาร ต้องรอผลการ ศึกษา ขณะเดียวกันเรายังมองหาที่ดินเพิ่มเติมในทำเล ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อทำโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์" ธุรกิจโรงแรมรายได้ก๊อกสอง

นอกจากนั้น บริษัท ยังมีที่ดินเปล่า ติดถนนศรีนครินทร์ บริเวณด้านข้างของศูนย์การค้าซีคอน สแควร์ อีกจำนวน 100 ไร่ พร้อมที่จะพัฒนา ซึ่งที่ดิน ตรงนี้ บริษัทจะรอให้สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการก่อน จึงจะศึกษาความเหมาะสมว่าจะทำเป็นธุรกิจใดได้บ้าง เพื่อตอบความต้องการของตลาดได้แม่นยำ เบื้องต้นความน่าจะเป็น คงเป็นการสร้างโครงการที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันก็คาดว่าในอนาคต รายได้จากธุรกิจโรงแรม จะมาเป็นอันดับสอง รองจากรายได้จากพื้นที่เช่าของศูนย์การค้าซีคอน สแควร์

ในส่วนของธุรกิจบริษัทที่ปรึกษา ล่าสุดรับเป็น ที่ปรึกษาโครงการศูนย์การค้าที่ หัวหิน จ.ประจวบฯ มูลค่า ในรูปแบบเทิร์นคีย์ โดยมีมูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท พื้นที่ 15,000 ตารางเมตร ตั้งบนพื้นที่ 5 ไร่ ภายใต้ คอนเซ็ปต์ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ เป็นศูนย์การค้าระดับพรีเมียม จับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งในย่านดังกล่าวถือว่ายังไม่มีคู่แข่งในระดับเดียวกัน ปรับพื้นที่ กำไรพุ่ง 11%
อย่างไรก็ตาม นโยบายทางการเงินของบริษัท ขณะนี้ยังเดินแผนใช้เงินสดของบริษัทที่มีอยู่ กับเงิน กู้บางส่วน ยังไม่มีนโยบายระดมทุนจากการนำหุ้นออก กระจายในตลาดหลักทรัพย์ฯปัจจุบัน บริษัท ซีคอนฯ มีทุนจดทะเบียน 570 ล้านบาท และยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะบริษัทมีความมั่นคงทางการเงินที่เพียงพอ โดยผลประกอบการปี 2548 เฉพาะ 8 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ 607 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% มีกำไร ก่อนหักภาษี 278 ล้านบาท โดยถึงสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 900 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9% และมีกำไรก่อนหักภาษี 385 ล้านบาท มากกว่าปี 2547 ราว 11% ส่วนปี 2549 คาดว่าจะมีรายได้เติบโต จากปีนี้อีกไม่น้อยกว่า 11%

นายตะติยะ กล่าวถึงแผนงานของ ซีคอน สแควร์ ว่า จะใช้งบการตลาด 20 ล้านบาท เน้นบีโลว์ เดอะไลน์ และ อีเวนต์มาร์เกตติ้ง ภายในคอนเซ็ปต์ แปลก ใหม่ ใหญ่ ดัง ซึ่งกลยุทธ์นี้ ทำให้ซีคอนประสบ ความสำเร็จด้านการตลาดเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบันนี้ และเรายังยึดแนวทางนี้ดำเนินงานต่อไป นอกจากนั้น ยังเดินหน้าที่จะปรับปรุงพื้นที่ในโซนต่างๆ เช่นเดียวกับในปี 2548 ล่าสุด ใช้งบ 20 ล้านบาท ปรับปรุงพื้นที่ โซน ไอที รวม 10,000 ตารางเมตร นับว่าเป็นพื้นที่ไอทีที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออก รวมร้านค้าคอมพิวเตอร์ ไอที และอุปกรณ์กว่า 100 ร้าน และผลจากการทยอยปรับพื้นที่ในทุกโซน ส่งผลให้ มีจำนวนลูกค้าเข้ามาชอปปิ้งในศูนย์ฯเพิ่มขึ้น วัดจากจำนวนรถยนต์ ที่เฉลี่ย 420,000 คันต่อเดือน มีการจับจ่ายต่อคนเฉลี่ย 1,000 บาท เพิ่มขึ้น 5%

"การปรับพื้นที่ใหม่ ทำให้เราสามารถปรับขึ้นราคาค่าเช่าได้ 10-20% ส่งผลให้เรามีรายได้เติบโตขึ้น ทุกปี ทั้งที่เรามีลูกค้าเช่าเต็มพื้นที่ 98% จาก พื้นที่เช่า ทั้งหมด 2 แสนตารางเมตร ซึ่งหากเราไม่ปรับปรุงพื้นที่ ก็จะขึ้นค่าเช่าต่อปีได้ไม่เกิน 5%" นายตะติยะกล่าว