Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 พฤศจิกายน 2545
แกรมมี่เบาตัวภาระไต้หวันลด ขายหุ้นบ.ลูกไม่กระทบรายได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

   
search resources

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บมจ.




แกรมมี่ฟุ้งกำไรปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 100% เพราะธุรกิจเพลงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ภาระขาดทุนในการลงทุนที่ไต้หวันลดลง และเตรียมขายหุ้นให้พันธมิตรใหม่ ตั้งเป้าปีหน้าหารายได้จากการจัดเก็บลิขสิทธิ์ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท รวมทั้งใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้งหนุนงานขายเพิ่มรายได้ แจงราคาไอพีโอบริษัทลูกที่ 30 บาท ไม่แพง นักลงทุนสถาบันสนใจจองซื้อล้น 25 เท่า ยันแยกขายหุ้นบริษัทลูกไม่กระทบรายได้บริษัทแม่

นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริหารบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GMM เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 100% โดยในปี 2544 บริษัทมีกำไรสุทธิประมาณ 200 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากธุรกิจเพลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถลดภาระจากการลงทุนในไต้หวัน ซึ่งจากเดิมบริษัทที่ขาดทุนอยู่ 250 ล้านบาท ได้ลดลงเหลือประมาณ 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายหยุดการลงทุนในทุนในไต้หวัน แต่จะหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นแทน ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องใส่เงินลงทุนเข้าไปใหม่ โดยการดำเนินงาน จะใช้เงินจากพันธมิตรใหม่ที่เข้ามา ซึ่งบริษัทจะลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก เดิมที่ถืออยู่ 100% จะลดสัดส่วนเหลือประมาณ 50% และบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศจีน โดยใช้ฐานบริษัทในไต้หวันเข้าไปดำเนินธุรกิจ

"บริษัทพยายามที่จะตัดธุรกิจที่เป็นภาระกับบริษัทให้ลดน้อยลง ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะรักษารายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หรือให้อยู่ในระดับคงที่ต่อไป"

สำหรับแผนงานในปีหน้า บริษัทจะมีรายได้ใหม่ๆ เข้ามาหลาย ทาง ทั้งทางรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท รายได้จากการ ที่มีการแข่งขันในสินค้าต่างๆ ซึ่งจะต้องใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้งเข้ามาช่วยสนับสนุนการขาย จะทำให้บริษัทมีรายได้จากทางนี้ รวมทั้งรายได้หลัก ก็ยังเป็นรายได้จากธุรกิจเพลงอยู่

ส่วนโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในช่วงที่ผ่านมาสามารถซื้อหุ้นคืนได้ประมาณ 100 กว่าล้านบาท ถ้าเห็นว่าราคา หุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง บริษัทก็มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะทำให้ราคาหุ้นมีเสถียร-ภาพ โดยปัจจุบันบริษัทยังมีเงินสดอยู่อีกจำนวนมาก

นายไพบูลย์ กล่าวถึงการเสนอ หุ้นของบริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ที่ราคาหุ้นละ 30 บาทนั้นถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยจะมีค่า P/E raitoประมาณ 17 เท่า ขณะที่หุ้นที่อยู่ในกลุ่มบันเทิงจะมีค่า P/E raitoประมาณ 25 เท่า ขณะนี้นักลงทุน สถาบันและนักลงทุนทั่วไปแสดงความสนใจที่จะซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการกระจายหุ้นแต่อย่างไร โดยจะเสนอขายหุ้นในวันที่14-15 พฤศจิกายนนี้

"ช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการสำรวจ ความต้องการซื้อ ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งพบว่าช่วงราคาที่นักลงทุนสถาบันต้องการซื้ออยู่ในราคา 30-38 บาท แต่บริษัทเลือกที่จะเสนอ ขายในระดับราคา 30 บาทเพื่อที่จะให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการเข้ามาลงทุน"

สำหรับสัดส่วนการเสนอขายหุ้น จะจัดสรรให้กับนักลงทุนต่างประเทศประมาณ 40% ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เนื่องจากผู้ถือหุ้นเดิมต้องการที่จะถือหุ้นในจีเอ็มเอ็ม มีเดียและจะเสนอขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย และประกันการจำหน่าย(อันเดอร์ไรเตอร์) ประมาณ 20% และบางส่วนก็จะจัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบัน ภายหลังจากเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไป สัดส่วนถือหุ้นของ Grammy ในจีเอ็มเอ็มมีเดีย จะเหลือเพียง 78% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 100% ส่วนที่เหลือ เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไป 22%

ที่ผ่านมา จีเอ็มเอ็ม มีเดียสามารถทำกำไรให้บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ประมาณ 48% ของกำไรรวมของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อ จีเอ็มเอ็ม มีเดียแยกเป็นบริษัทจดทะเบียน จะทำให้รายได้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ส่วนหนึ่งหายไป ซึ่งบริษัทยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบกับบริษัทแม่

"การที่กระจายหุ้นในขณะนี้ถึงแม้ภาวะตลาดหุ้นจะซบเซาแต่เชื่อ มั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทสามารถที่จะรักษาผลการดำเนินงาน ให้อยู่ในระดับที่ดี ได้ถึงแม้ว่าจะมีวิกฤษทางเศรษฐกิจในอดีตที่ผ่านมา แต่บริษัทก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท 9 เดือนมีกำไรสุทธิประมาณ 280 ล้านบาท และเชื่อว่าทั้งปีจะ มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงิน ปันผลประมาณ 70% ของกำไรสุทธิ ซึ่งถ้านักลงทุนเข้ามาจองซื้อและ ถือระยะยาวก็มีโอกาสที่จะได้รับเงิน ปันผล บริษัทมีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง จะพยายามรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับ 1 เท่า ปี 2546

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us