นับแต่ตั้งปูนซิเมนต์ไทยมาจนครบ 80 ปีในปีนี้ ทวี บุตรสุนทร จะเป็น "รองผู้จัดการใหญ่"
(Executive Vice President) คนแรกของบริษัทอันเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างครั้งใหม่ของปูนซิเมนต์ไทยที่แต่งตั้งชุมพล
ณ ลำเลียง เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ (President) ตั้งแต่ 1 มกราคมปีหน้าและทวี
เป็นรองผู้จัดการใหญ่
ที่ผ่านมานั้น ตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย เป็นเพียงตำแหน่ง
"ชั่วคราว""ที่มีไว้เป็นธรรมเนียมสำหรับประกาศให้รับรู้ว่า
จะเป็นผู้ขึ้นรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนต่อไปของปูนซิเมนต์ไทยเท่านั้น
อย่างเช่น พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ที่เคยรับตำแหน่งนี้คราวที่รอจะขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่
ต่อจากจรัส ชูโต เมื่อหลายปีก่อน
แต่สำหรับทวี บุตรสุนทร หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่
1 กรกฎาคม พร้อมกับ ชุมพล ณ ลำเลียงแล้วเขาก็จะยังคงดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป
นอกเหนือจากการมีรองผู้จัดการใหญ่คนใหม่แล้ว ปูนซิเมนต์ไทย ก็มีการปรับโครงสร้างใหม่อีกด้วย
จากเดิมที่มีอยู่ 3 สายงาน 4 กลุ่มกิจการจะเหลือเพียง 4 กลุ่มใหม่โดยจะมีผลตั้งแต่
1 มกราคมปีหน้า สำหรับโครงสร้างเดิมของปูนซิเมนต์ไทยนั้น ประกอบด้วย สายซิเมนต์และวัสดุทนไฟ
สายการตลาดและการค้า สายการบริหารกลางกลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มเครื่องจักรกลและไฟฟ้า
กลุ่มเยื่อและกระดาษ ธุรกิจอื่นๆ
ส่วนสายงานใหม่ของปูนซิเมนต์ไทย ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้านั้น เหลือเพียง
4 กลุ่มเท่านั้น คือ กลุ่มซิเมนต์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มเครื่องจักรกลและไฟฟ้า
กลุ่มกระดาษและปิโตรเคมี
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งนี้ นับเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของปูนซิเมนต์ไทยครั้งหนึ่ง
และเป็นการสอดคล้องกับการแต่งตั้งตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ปูนซิเมนต์ไทยด้วย!!!
"เดิมนั้น ปูนซิเมนต์ไทยผลิตกับขายจะแยกกัน แต่ในโครงสร้างใหม่ การผลิตกับการขายจะไม่แยกจากกัน
โดยคุณทวีจะเป็นคนดูแลทั้งหมด "พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ปูนซิเมนต์ไทย
ที่จะเกษียณอายุในสิ้นปีนี้ กล่าวถึงโครงสร้างใหม่
กล่าวกันว่า การปรับโครงสร้างใหม่ของปูนซิเมนต์ไทย ก็เพื่อรับการเข้ามาของ
"คู่แข่ง" รายใหม่ที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คู่แข่งที่ชื่อ "ทีพีไอ" ที่เพิ่งเริ่มผลิตปูนซิเมนต์ขายแข่งกับผู้ผลิตเดิมเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับตลาดปูนที่ผ่านมาซึ่งมีผู้ผลิต 3 บริษัท คือ ปูนซิเมนต์ไทย-ปูนใหญ่
ปูนซิเมนต์นครหลวง-ปูนกลาง และชลประทานซีเมนต์-ปูนเล็ก ที่มีการผลิตในปริมาณที่ใกล้เคียงกับความต้องการของตลาดมาโดยตลอด
และเพิ่งจะขาดแคลนในระยะเวลา 3-4 ปี ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้นไม่มีความรุนแรงมาก
ตลาดปูนซิเมนต์ จึงเป็นตลาดที่กึ่งผูกขาดมาประมาณ 20 ปีนับตั้งแต่รัฐบาลอนุมัติให้ตั้งโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ของบริษัท
ชลประทานซิเมนต์ เป็นบริษัทสุดท้ายเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน
แต่เมื่อมีรายใหม่ที่ค่อนข้างใหญ่อย่างทีพีไอเข้ามาแข่งขันด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าวิตกไม่น้อยสำหรับผู้ผลิตรายเดิม
เพราะจะเป็นการเข้ามาแข่งตลาดที่ค่อนข้างพอดีอยู่แล้ว จนกระทั่งต้องมีการส่งออก
ในส่วนของปูนซิเมนต์ไทยนั้น พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กล่าวว่า มีความพร้อมที่จะเข้าไปในการแข่งขันเพราะประสบการณ์ในการผลิตมาเกือบ
80 ปีของบริษัท ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า จะสามารถที่จะแข่งกับรายอื่นๆ ได้
"Price War จึงไม่มีในนโยบายของเราแต่เรื่องการโฆษณานั้นมีแน่นอน"
นอกจากนั้น ปูนซิเมนต์ไทย ก็เพิ่งมีการลงทุนในธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างที่กรุงพนมเปญ
ประเทศกัมพูชา เมื่อไม่นานมานี้ อันเป็นการรองรับการขยายตลาดในต่างประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่า แม้จะเป็นผู้นำในตลาดปูนในปัจจุบันอยู่ก็ตาม
แต่การปรับโครงสร้างของปูนซิเมนต์ไทยในครั้งนี้ เป็นทั้งการรุกและการรับพร้อมกัน
และการรุกตลาดในครั้งนี้ ปูนซิเมนต์ไทยเลือกทวี บุตรสุนทร "ลูกหม้อ"
ที่มีอายุงานในปูนซิเมนต์ไทยมาประมาณ 30 ปี มาเป็นผู้รับผิดชอบด้วยความเชื่อในประสบการณ์ต่างๆ
ที่มีมากของบุคคลที่คนในเครืองซิเมนต์ไทย มักจะเรียกว่า "นายช่างทวี"
คนนี้
กล่าวกันว่า การเลือกทวีขึ้นรับตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ที่จะเป็น "เบอร์
2" ของปูนซิเมนต์ไทย และจะดูแลเรื่องเกี่ยวกับปูนซิเมนต์ทั้งในด้านการผลิตและการขายทั้งหมดนั้นมาจากความมั่นใจของคณะกรรมการเครือซิเมนต์ไทย
ที่มีต่อบุคคลคนนี้ ว่าจะนำปูนซิเมนต์ไทย ให้ผงาดต่อไปได้ในธุรกิจปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้าง
ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านๆ มา แม้เครือซิเมนต์ไทย จะมีการขยายสายผลิตธุรกิจออกไปหลายสาย
เช่น สายปิโตรเคมี สายเครื่องยนต์ก็ตาม แต่ถึงอย่างไร ปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างก็ยังเป็น
"หัวใจ""ของเครือซิเมนต์ไทยอยู่ดี
ที่สำคัญก็คือ จุดแข็งของปูนซิเมนต์ไทย คือ ดีลเลอร์กว่า 600 รายทั่วประเทศนั้น
ทวี บุตรสุนทร มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี!!!
คนในเครือซิเมนต์ไทยเองก็กล่าวว่า ดูเหมือนนายช่างทวีของพวกเขาค่อนข้างที่จะมีความสุขกับการทำงานในสายงานดังกล่าวด้วยซ้ำ
แม้หลายคนอาจจะมองว่า เขาอาจจะผิดหวังอยู่บ้างกับการที่ไม่ได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ปูนซิเมนต์ในปีหน้า
สาเหตุสำคัญที่กรรมการเครือซิเมนต์ไทยมีความเชื่อมั่นต่อทวีนั้น มาจากการที่ทวีเป็นผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับปูนซิเมนต์ไทยดีคนหนึ่งของประเทศทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต การตลาด อันเนื่องมาจากที่ทำงานในปูนซิเมนต์ไทยมาเกือบ
30 ปีของเขา ทำให้ผ่านงานทั้งการเป็นผู้อำนวยการโรงงานผลิตวัสดุทนไฟ ผู้จัดการใหญ่สยามคราฟท์
และเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโสที่ดูงานในปูนซิเมนต์ไทย ทั้งในเรื่องของสายซิเมนต์และวัสดุทนไฟ
สายบริการกลาง สายการตลาดและสายการค้า ทำให้สายตาของเขาในเรื่องตลาดวัสดุก่อสร้างนั้นกว้างและไกลกว่าหลายคนในวงการเดียวกัน
และเชื่อกันว่า คราวนี้ "ผู้ใหญ่" ของปูนซิเมนต์ไทยคงจะดูไม่ผิด
ที่ตั้งทวี บุตรสุนทร เป็นรองผู้จัดการใหญ่คนแรกในครั้งนี้