STAR คาดผลงานไตรมาส 3 ดีกว่าปีที่ผ่านมาและดีกว่าไตรมาส 2 ปีนี้ด้วย เนื่องจากออเดอร์จากลูกค้าที่มีเข้ามาต่อเนื่อง โดย เฉพาะโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ไม่หวั่นแม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศซบ เพราะลูกค้าในประเทศส่วนใหญ่คือผู้ประกอบการที่สร้างบ้านระดับกลางเป็นหลัก ขณะที่ลูกค้าหลักจากต่างชาติ ยังเพิ่มสูง

ดร.สมชัย ว่องอรุณ กรรมการ ผู้อำนวยการ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด(มหาชน) (STAR) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัทที่เพิ่งปิดงบไปนั้น คาดว่าน่าจะดีกว่าไตรมาส 3 ปีที่ 47 และเมื่อเทียบกันพบว่าปีนี้เพียง 9 เดือนดีกว่าผลงานของปี 47 ทั้งปี และเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ก็จะออกมาดีด้วยเช่นกัน เนื่องจากบริษัทมีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

"ส่วนหนึ่ง จะมีออเดอร์จาก โครงการบ้านเอื้ออาทรของรัฐที่เกิด ขึ้นเมื่อปี 46 และเราต้องส่งมอบสินค้าให้แกˆลูกค้าในปีนี้ แม้ว่าจะเป็นออเดอร์ที่ไม่มากเมื่อเทียบกับยอดรวม ทั้งหมดของบริษัท แต่ ก็เป็นส่วนของปริมาณขายในประเทศที่เราขายเพียง 20-25% เท่านั้น" ดร.สมชัยกล่าว

เนื่องจาก STAR ยังมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศ เพื่อขายให้แก่ลูกค้าต่างประเทศที่มี สัมพันธภาพที่ดีต่อกันและทำการซื้อขายกันมานาน โดยส่วนใหญ่เป็น ลูกค้าที่อยู่ในญี่ปุ่นและยุโรปเป็นหลัก ซึ่งพบว่าตลาดเหล่านี้ความต้องการใช้ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำมีมาก ขึ้น และแต่ละตลาดก็ต้องการสินค้า ที่แตกต่างกันออกไป

ดร.สมชัยกล่าวว่า แม้สัดส่วนการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศจะมีมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หวั่นต่อเรื่องค่าเงิน เนื่องจากในแต่ละประเทศที่บริษัทส่งออกไปจำหน่ายนั้น ค่าเงินแตกต่างกันไปเมื่อแลกเป็นเงินบาทแล้วก็ถือว่าไม่ทำให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และที่ผ่านมากลับพบว่าบริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนทุกปี ขณะที่สัดส่วนของ ยอดขายที่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ มีประมาณ 20-25% เท่านั้น

"เรายังเน้นการขายให้ลูกค้าต่างประเทศ ส่วนหนึ่งผมว่าเป็นการ ลดความเสี่ยงที่เราไม่ต้องอิงกับตลาดภายในประเทศเพียงแห่งเดียว และแม้ภาพรวมตลาด อสังหาริมทรัพย์ของบ้านเราที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวนั้น คนอาจมองว่าเราจะได้รับผลกระทบ แต่เรา กลับดี เพราะส่วนใหญ่ตลาดของเรา คือตลาดกลาง และบน ขณะที่ตลาด อสังหาฯ ที่ชะลอตัวนั้นคือบ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไปที่ขายไม่ได้แล้ว ของเราแม้จะหายไปในตลาดบนแต่ ก็ไม่กระทบมาก" ดร.สมชัยกล่าว

ดังนั้น ความต้องการของ ลูกค้าในระดับกลางที่แบ่งสัดส่วนได้เป็นประมาณ 60% ของยอดขายรวมในประเทศ ขณะที่เหลือ คือลูกค้าตลาดบนและล่าง นั้นถือเป็นสิ่งที่ดีต่อ STAR และขณะนี้พบว่าออเดอร์สินค้าก็มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะบ้านระดับกลางผุดขึ้นมามากในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า เป้าหมายของบริษัทที่มีลูกค้ามากกว่าด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของ STAR พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.36 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 319.13 ล้านบาท อันเป็นผลจากงบการเงินเมื่อปีที่ผ่านมานั้น บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ถึง 309 ล้านบาท จึงดันให้ผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าวของปีที่ผ่านมากำไรทะยาน