แบงก์ต่างประเทศแห่ขยายสินเชื่อ บุคคลอย่างหนักหลังเจอกม.คุมเข้มบัตรเครดิต
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด โอดลำบากหนักจากข้อบังคับดอกเบี้ยบัตรไม่เกิน 18% เหตุต้นทุนสูง
ด้านไทยทนุไม่หวั่นแจงเดินตามกฎ รวมทั้งไม่เน้นสินเชื่อบัตรเครดิต ขณะที่บริษัทบัตรกรุงไทยเล็งเริ่มสินเชื่อบุคคลต้นปีหน้า
แหล่งข่าวจากธนาคารไทยทนุ(DTDB)เปิดเผยว่า ธนาคารคงไม่ได้รับผลกระทบจากการออกกฎกระทรวงการคลังเพื่อมาควบคุมบัตรเครดิต
เนื่องจากปัจจุบันธนาคารดำเนินการตามกฎระเบียบ ทุกอย่าง อีกทั้งธนาคารไม่ได้เน้นการขยายบัตรเครดิตแต่ให้ความสำคัญกับการขยายสินเชื่อบุคคล
ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งธนา- คารพาณิชย์ไทยและธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจะมีการแข่งขันของสินเชื่อบุคคลอย่างรุนแรง
เพราะผลกระทบจากข้อกำหนดในเรื่องบัตรเดรดิต
"ที่ผ่านมาธนาคารไทยทนุไม่ได้เข้าไปเล่นเรื่อง บัตรเครดิตเหมือนธนาคารอื่นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้น
อีกทั้งปัจจุบันธนาคารก็คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 18% และคุณสมบัติผู้มีบัตรยัง
อยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท แต่เป็นห่วงเรื่องสินเชื่อบุคคลจะมีคนเข้ามาแข่งขันสูง
โดยเฉพาะธนาคารต่างประเทศที่คิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตสูงจะต้องปรับตัวเองโดยเน้นสินเชื่อบุคคลมากขึ้น"
ทั้งนี้การที่ธนาคารพาณิชย์จะหันมาหารายได้จากสินเชื่อบุคคลมากขึ้น เนื่องจากยังไม่มีข้อกำหนด
เรื่องอัตราดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามหากมีการแข่งขันสูงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นคือลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ
เพราะทุกธนาคารจะต้องลดดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดลูกค้า
แหล่งข่าวจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด นครธน(SCNB)กล่าวว่า ธนาคารได้รับผลกระทบจาก
การกำหนดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตไว้ไม่เกิน 18% เนื่องจากปัจจุบันธนาคารคิดดอกเบี้ยสูงกว่าระดับดังกล่าว
เพราะมีต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่สูง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารคงต้องปรับตัวในการดำเนินธุรกิจโดยลดงบประมาณด้านกิจกรรมที่จะตอบแทนลูกค้าบัตร
รวมทั้งลดการขยายฐานบัตรเครดิตลง และจะให้ความสำคัญกับสินเชื่อบุคคลมากขึ้น
ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพราะยังไม่มีการตีกรอบดอกเบี้ย
"หากมีการประกาศใช้ข้อบังคับการคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตไม่ให้เกิน 18%
ธนาคารจะได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ในระดับ
20 กว่า% ซึ่งการคิดดอกเบี้ยที่สูงเนื่องจาก ธนาคารมีต้นทุนการดำเนินธุรกิจมากมีข้อด้อยเรื่องสาขาจึงต้องจ้างพนักงานขายมาก
อีกทั้งมีผลตอบ แทนด้านกิจกรรมการตลาดให้กับลูกค้ามาก ซึ่งต่อไป นี้คงต้องลดกิจกรรมตอบแทนลูกค้าลงเพื่อให้เหมาะสมกับต้นทุน"
นายนิวัตติ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทบัตรกรุงไทย(KTC) กล่าวว่า
บริษัทได้ยกเลิกการอนุมัติบัตรเครดิตสำหรับลูกค้าที่มีเกณฑ์รายได้ต่ำกว่า
1.5 หมื่นบาทลงทันทีตั้งแต่วันที่ทางการประกาศกฎข้อบังคับออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี(7
พ.ย.)
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ทางการเงินให้เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า
1.5 หมื่นบาท โดยในปีหน้าจะออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ส่วนบุคคลแบบเฉพาะเจาะจง
เช่น สินเชื่อสำหรับการศึกษา สามารถกู้ยืมภายในระยะเวลา 3 เดือน เนื่องจากบริษัทมีฐานข้อมูลลูกค้ากลุ่มรายได้ดังกล่าว
อยู่และประเมินแล้วว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่พอจะรับได้