ไพโอเนียร์ เปิดตัวพลาสม่าทีวี เจเนอเรชั่นที่ 6 ปรับฟีเจอร์เทียบเคียงแอลซีดีทีวี พร้อมลดราคาสู้ศึกทีวีจอใหญ่ไฮเอนด์ ล่าสุดเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เพื่อยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์
จากแนวโน้มของตลาดทีวีที่พบว่าผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับทีวีจอใหญ่ไฮเอนด์มากขึ้น โดยปัจจุบันตลาดโปรเจ็กชั่นทีวีมีปริมาณความต้องการ 30,000 เครื่อง พลาสม่าทีวีมี 20,000 เครื่อง และแอลซีดีมี 10,000 เครื่อง แต่จากการคาดการณ์ของ จีเอฟเค มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (ประเทศไทย) คาดว่าความต้องการทีวีจอใหญ่ของผู้บริโภคไทยจะหันมาซื้อแอลซีดีมากขึ้นเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีภาพที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของความคมชัด ความเข้มของแสง และการประหยัดพลังงาน ทั้งนี้คาดการณ์กันว่าในปี 2549 ตลาดพลาสม่าทีวีและแอลซีดีจะมีปริมาณความต้องการที่เท่ากันคือ 25,000 เครื่องและในปีถัดไปแอลซีดีทีวีจะมีปริมาณความต้องการสูงถึง 50,000 เครื่องแซงหน้าพลาสม่าทีวีที่คาดว่าจะมีความต้องการเพียง 30,000 เครื่องเท่านั้น ส่วนตลาดโปรเจ็กชั่นทีวีจะชะลอตัวลง ทำให้บรรดาผู้ผลิตทีวีต่างหันมารุกตลาดแอลซีดีทีวีกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แอลจีที่เป็นผู้นำในตลาดพลาสม่า หรืออย่างโตชิบาที่เคยทิ้งตลาดทีวีไปก็หันกลับมารุกตลาดด้วยแอลซีดีทีวี แนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้ที่ทำตลาดพลาสม่าทีวีไม่อาจนิ่งเฉย
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พานาโซนิคได้เปิดแคมเปญ Better Lifestyle Rewards ชอป 1,000 บาท ลุ้น 1,000,000 บาท พร้อมกับเดินสายโรดโชว์ร่วมกับกับบรรดาดีลเลอร์ทั้งหลายเพื่อผลักดันให้ทีวีพลาสม่าของพานาโซนิคเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากสินค้ามีราคาค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องให้ผู้บริโภคได้สัมผัส หรือเปรียบเทียบสินค้าก่อนจะโน้มน้าวให้ตัดสินใจซื้อ โดยพนาโซนิคได้เปิดตัวพลาสม่าทีวีรุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิตอลอื่นๆได้ รวมถึงสามารถอ่านและบันทึกข้อมูลจากเอสดีการ์ดได้
ล่าสุดไพโอเนียร์ ได้เปิดตัวพลาสม่าทีวี เจเนอเรชั่นที่ 6 ที่มี 2 ขนาด คือ 43 นิ้ว และ 50 นิ้ว โดยมีการปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆให้ใกล้เคียงกับแอลซีดีทีวี เช่น ในเรื่องของความสว่างที่ปกติแล้วแอลซีดีจะมีความเข้มของแสงสว่างที่มากกว่า รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ปรับให้ลดลงจาก 585 วัตต์ มาอยู่ที่ 371 วัตต์ แต่ก็ยังใช้พลังงานมากกว่าแอลซีดีทีวีเกือบเท่าตัว
พลาสม่าเจเนอเรชั่นที่ 6 ของไพโอเนียร์ใช้ชื่อว่า Pure Vision Black ที่เพิ่มรายละเอียดให้กับโทนสีดำมากขึ้น ทำให้เห็นมิติของภาพ และลดการเกิดภาพซ้อนเมื่อมองจากมุมเฉียง
แม้จะมีการปรับฟีเจอร์ให้สูงขึ้นแต่ไพโอเนียร์กลับต้องลดราคาเพื่อสู้กับเทรนด์ของตลาดแอลซีดีที่กำลังรุกคืบเข้ามาหลังจากโตชิบาประกาศที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตทีวีประเภท Flat Panel Display ซึ่งจะทำให้โตชิบาสามารถทำราคาแอลซีดีทีวี 42 นิ้วได้ในราคาแสนกว่าบาทเท่านั้น ลดลงจากเดิมที่เคยมีราคาสูงถึง 2-3 แสนบาท ถือเป็นการลดช่องว่างระหว่างราคาของแอลซีดีทีวีที่เคยแพงกว่าพลาสม่าถึง 2-3 เท่าตัว
ทั้งนี้พลาสม่าเจเนอเรชั่นที่ 5 ขนาด 43 นิ้วมีราคา 229,900 บาท ส่วน 50 นิ้วมีราคา 349,900 บาท ในขณะที่เจเนอเรชั่นที่ 6 ขนาด 43 นิ้วมีราคา 169,900 บาท และขนาด 50 นิ้ว มีราคา 269,900 บาท
อย่างไรก็ดีทั้งไพโอเนียร์และพานาโซนิคที่เน้นการทำตลาดพลาสม่าทีวี ยังคงมั่นใจว่าตลาดแอลซีดีจะไม่สามารถเข้ามาแทนที่พลาสม่าทีวีได้ทั้งหมดเนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ทำให้แอลซีดีทำขนาดให้ใหญ่ได้ยากแต่ปัจจุบันก็มีผู้พัฒนาแอลซีดีให้ใหญ่ได้ถึง 50-60 นิ้ว ซึ่งที่ผ่านมาตลาดแอลซีดีและพลาสม่าทีวีจะถูกแบ่งออกตามขนาด โดยจอภาพที่มีขนาดต่ำกว่า 37 นิ้วจะนิยม แอลซีดี ส่วนจอที่ใหญ่กว่า 37 นิ้วจะใช้พลาสม่าทีวี
"เราพยายามที่จะเอ็ดดูเคทให้ผู้บริโภคได้เปรียบเทียบถึงความแตกต่างระหว่างการใช้งานแอลซีดีทีวีและพลาสม่าทีวี โดยการทำคู่มือแจกผู้บริโภคเพื่อให้เขาเห็นว่าทีวีทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน อย่างการดูหนังในบ้าน หรือในที่มืดไม่จำเป็นจะต้องใช้แอลซีดีทีวีที่ให้แสงสว่างมากเกินไป ขณะที่พลาสม่าจะให้แสงสว่างที่สบายตากว่า" รุ่งโรจน์ เลิศอำนาจกิจเสรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าว
นอกจากนี้ในการเปิดตัวพลาสม่าเจเนอเรชั่นที่ 6 ยังมีการเชิญหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคม เป็นพรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของไพโอเนียร์ในประเทศไทยที่มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ เพื่อยกระดับแบรนด์ให้ที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพเนื่องจากหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิมใช้พลาสม่าทีวีในการแสดงภาพตัดต่อขณะถ่ายทำ อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงไปสู่คอนเซ็ปต์ของแบรนด์ไพโอเนียร์ที่เป็น Entertainment Greeting Company หรือการเป็นบริษัทที่สร้างสรรเพื่อความบันเทิงซึ่งพรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์ก็เป็นที่รู้จักกันดีในวงการบันเทิง
ปีนี้ไพโอเนียร์มีการใช้งบ 20 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าพลาสม่าเจเนอเรชั่นที่ 6 จะผลักดันให้ส่วนแบ่งการตลาดของไพโอเนียร์เพิ่มจาก 14-15% เป็น 20% ณ สิ้นรอบบัญชี 31 มีนาคม 2549 โดยปัจจุบันผู้นำตลาดพลาสม่าทีวีคือแอลจีมีส่วนแบ่งการตลาด 28% ตามด้วยซัมซุง 19% ส่วนที่ 3 ที่หลายแบรนด์เช่นไพโอเนียร์ โซนี่ และพานาโซนิค
ข้อเปรียบเทียบระหว่างแอลซีดีทีวีกับพลาสม่าทีวี คือ แอลซีดีทีวี (Liquid Crystal Display) เป็นเทคโนโลยีจอภาพที่บรรจุแผ่นคริสตัลเหลวบางๆ ทำหน้าที่ผลิตพิกเซล โดยโมเลกุลของคริสตัลเหลวจะเป็นตัวหักเหแสงทำให้เกิดภาพ จุดเด่นของแอลซีดีทีวีคือมีความบางทำให้ประหยัดพื้นที่ มีน้ำหนักเบาสามารถแขวนได้ กินไฟน้อยกว่าพลาสม่าทีวี แต่มีอายุการใช้งานที่นานกว่า อีกทั้งมีความสว่างของภาพสูงจึงสามารถใช้ในพื้นที่ที่มีความสว่างมากได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของราคาที่แพงกว่าพลาสม่าทีวี รวมถึงข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่สามารถทำขนาดจอให้ใหญ่กว่าพลาสม่าได้ ในขณะที่พลาสม่าทีวี (Plasma Display Panels : PDPs) เป็นเทคโนโลยีจอภาพที่ใช้เซลล์พลาสม่าก๊าซขนาดจิ๋วที่อัดไฟฟ้ากำลังดันเฉพาะที่ทำให้เกิดภาพ มีจุดเด่นในเรื่องของจอภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความเข้มของแสงสูงจึงเหมาะกับภาพที่มีทั้งมืดและสว่างในเวลาเดียวกัน อย่างเช่นการเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์ มีราคาถูกกว่าแอลซีดีแต่แพงกว่าซีอาร์ทีทีวี แต่ก็มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าแอลซีดีด้วย
|