Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์13 ตุลาคม 2548
Customer Centric Bank             
 

   
related stories

“บัณฑูร”เขย่าวงการ หนุนราคาหุ้น KBANK
โบรกฟันธงหุ้น KBANK 85 บาท
เบื้องหลัง-เบื้องลึก กำเนิด K-Heroes
"บัณฑูร" ลั่นไม่ลงสนามการเมือง ยันเป็นพันธมิตรทุกพรรค!

   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
Banking




การแข่งขันของธนาคารในอดีตไม่ได้มีการใช้กลยุทธ์ที่หวือหามากนัก นอกจากชูจุดขายในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ได้มีนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ หรือมีบริการอะไรที่จะตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า ประกอบกับธนาคารเองให้ความสำคัญกับลูกค้ารายใหญ่มากกว่า ซึ่งกลยุทธ์ที่ใช้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ารายใหญ่ หมั่นออกเยี่ยมเยียนลูกค้าบ่อยๆ ก็เท่านั้นเอง แต่ภายหลังการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารหลายราย ทำให้ลูกค้าเหล่านี้ชะลอการใช้จ่าย และหลังปี 2540 ลูกค้ารายใหญ่ที่มีฐานะทางการเงินที่ดีต่างพากันเร่งคืนเงินกู้ให้กับธนาคารเพื่อลดภาระดอกเบี้ยที่สูงถึง 16% ในช่วงเวลานั้น

ขณะที่ทางธนาคารเองก็ต้องเผชิญกับการขาดสภาพคล่อง เพราะประสบปัญหาทั้งในเรื่องของหนี้เสียหรือ NPL (Non Performance Loan) อีกทั้งยังต้องเร่งเพิ่มทุนสำรองความเสี่ยง รวมถึงการขาดความเชื่อมั่นจากประชาชนด้วยว่าธนาคารนั้นๆจะดำรงธุรกิจอยู่ต่อไปได้หรือไม่ จนในที่สุดเกิดการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารของไทยกับธนาคารจากต่างประเทศ เช่น การควบรวมระหว่างธนาคารเอเชีย กับ เอบีเอ็น แอมโร จากเนเธอร์แลนด์ ธนาคารนครธนรวมกับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์จากอเมริกา ธนาคารรันสินรวมกับยูโอบีจากสิงคโปร์ และธนาคารไทยธนุกับดีบีเอสจากสิงค์โปร์

การควบรวมกิจการดังกล่าวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการธนาคารในประเทศไทย เนื่องจากธนาคารต่างชาติเหล่านั้นได้นำประสบการณ์ในการเป็น Retail Banking มาประยุกต์ใช้กับตลาดในเมืองไทย มีการใช้กลยุทธ์การตลาดราวกับว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินเป็นเหมือนคอนซูมเมอร์โปรดักส์ตัวหนึ่ง เช่น ธนาคารเอเชียมีการทำ BOA TUK TUK Internet ที่เป็นรถตุ๊กตุ๊กที่ให้บริการทางการเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตตามย่านชุมชนต่างๆ ต่อมาก็มีช่องทางบริการคล้ายกับคีออสคือ Asia Side Walk Bank ที่ให้บริการการเงินครบวงจรด้านหน้าห้างโซโก้ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นเอราวัณแบ็งคอก นอกจากนี้ยังมีการให้บริการทางโทรศัพท์ ขยายเวลาบริการในวันเสาร์ เพิ่มรถบริการเคลื่อนที่ การนำระบบ Electronics Banking มาใช้ การให้บริการทางอินเทอร์เน็ต Asia Cyber Banking เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของ Customer Centric Bank ที่คำนึงถึงความสะดวกในการใช้บริการของผู้บริโภคนอกจากนี้ยังมีการสร้างผลิตดภัณฑ์ทางการเงินให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น บัญชีเงินฝากเอเชียจูเนียร์สำหรับลูกค้าที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี บัญชีเงินฝากเอเชียสเตทเมนท์เซฟวิ่งจะไม่มีสมุดคู่ฝากแต่ได้ดอกเบี้ยพิเศษ 0.25% สำหรับลูกค้าใหม่ บัญชีเงินฝากเอเชียซีเคียวร์สำหรับคนวัยทำงานที่ได้สิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากธนาคารเอเชียแล้วก็มีธนาคารอีกหลายแห่งที่หันมาใช้ Customer Centric เช่น การปรับตัวของหลายๆธนาคารที่ต้องการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น มีการปรับโทนสี โลโก้ เพื่อให้เป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น มีการปรับโฉมสาขาให้ลูกค้าอยากเข้ามาใช้บริการ เช่น ธนาคารกสิกรไทยที่นำร้านกาแฟสตาร์บัคส์เข้ามาตั้งในสาขา การเปิดสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนวิภาวดี ในรูปแบบของ Drive Thru ซึ่งลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยไม่ต้องลงจากรถ

ปัจจุบันธุรกิจธนาคารต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกับการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรง ประกอบกับการเติบโตของเทคโนโลยีทางการเงินที่รวเร็วส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งได้รับข่าวสารข้อมูลอยู่ตลอดเวลา มีความฉลาดในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น และมีความต้องการที่ซับซ้อน ดังนั้นธนาคารจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนมิใช่เพียงเพื่อให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังต้องรองรับกับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ดังนั้นการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับธุรกิจธนาคาร

ในปีนี้ กสิกรไทย ประกาศนโยบายชัดเจนว่าจะเน้นในเรื่องของ Customer Centric เป็นหลัก จึงต้องมีการทำ Segmentation และ Sub-Segmentation เพื่อจะได้แยกย่อยความต้องการของลูกค้าได้ถูกจะได้นำเสนอสินค้าและบริการที่เหมาะสมให้กับลูกค้ากลุ่มนั้นๆเช่น คนอายุ 40 กว่าปี จะสนใจประกันชีวิต หรือกู้เพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งควรมีสินเชื่อประกันภัยสำหรับบ้านให้ด้วย หรืออาจจะสนใจเรื่องกองทุน ฯลฯ เพราะมีรายได้ที่เหมาะสม เหล่านี้เป็นการ Segmentation ตามรายได้ ถ้าเป็นการ Segmentation ตาม Life Stage กสิกรไทยก็อาจมองลูกค้าตั้งแต่อายุ 15 ปีโดยเสนอบัตรเดบิตไว้บริการ เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็จะได้รับเงินโอนผ่านทางKBANK จากพ่อแม่ ถ้าจะต่อปริญญาโทก็มีสินเชื่อเพื่อการศึกษาเมื่อเรียนจบเริ่มทำงาน มีรายได้ที่จะกู้ซื้อบ้าน แบงก์ก็มีบริการ Home Smile Club และบริการอื่นๆจนกระทั่งเกษียณ เป็นการสร้าง Loyalty ระยะยาว

ในขณะที่ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึง Customer Centric ว่า ต้องตีโจทย์ให้ออกว่าลูกค้าของธนาคารคือกลุ่มไหน แล้วจึงนำผลิตภัณฑ์มาตอบสนอง เป็นการหนีกับดักที่จะคิดเข้าหาตัวเองด้วยการคำนึงถึงผู้บริโภค

ทั้งนี้ Customer Centric ถือเป็นเพียง 1 ใน Key Business Capability ของธนาคารกสิกรไทยที่ประกอบด้วย การรู้ลึกถึงความต้องการของลูกค้า การมีช่องทางที่สามารถบริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ การมีระบบไอทีที่ดี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us