|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หลายครั้งเมื่อประชาธิปัตย์เดินมาถึงทางตัน ไม่สามารถสร้าง "จุดขาย"ขึ้นมาเทียบเคียงความสดใหม่ กับไทยรักไทย ของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ได้ และบ่อยครั้งที่มักถูกถามไถ่ถึงภาพลักษณ์แห่งความเป็น "ผู้นำ"ที่สร้างความเหนือชั้นได้ใกล้เคียงกับ นายกฯทักษิณ คำถามเหล่านี้กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้หลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ ต้องหาคำตอบเรื่อยมา
การเปลี่ยนตัว "ผู้นำ"ของประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเพื่อหวังที่จะทำให้เกิดภาพแห่งความเปลี่ยนแปลง จากสถานบันการเมืองที่มีอายุกว่า 5 ทศวรรษ มีวิถีมุมมองแบบหัวเก่าอนุรักษ์นิยม ไปสู่ความเป็นสากลมากขึ้น แต่ไม่ยอมก้าวล่วงไปสู่ โลกแห่ง "ทุนนิยม"เหมือนกับพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน
การจัดวาง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ "ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค รุ่นที่ 7 ต่อจาก "บัญญัติ บรรทัดฐาน " ทำให้ประชาธิปัตย์คาดหวังว่าจะสามารถชูภาพ ผู้นำพรรค คนหนุ่มรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ปรากฏว่าในความเป็นจริงแล้ว กลับยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกใจ หรือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจได้มากพอ หากประมวลดูแล้วอาจทำให้เห็นภาพ "กบเลือกนาย"เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ อยู่บ่อยครั้ง และ "นาย"ที่เคยมีขึ้นเป็นตัวเลือก ก็มักจะมี "คนนอก"เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหลายครั้ง....
หนึ่งในหลายต่อหลายครั้ง เคยมีชื่อของนายแบงค์หนุ่ม " บัญฑูร ล่ำซำ " ซีอีโอ แห่งธนาคารกสิกรไทย เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน...การที่ชื่อของ บัญฑูร ผุดขึ้นในความคิดของใครบางคน ทั้งในและนอกพรรคนั้นย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากความสามารถและชื่อเสียงโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในแวดวงนายธนาคารอย่างกว้างขวาง บทบาทความเป็นคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่ความก้าวหน้า ความสำเร็จจากการเปลี่ยนชื่อและสร้างภาพลักษณ์ให้ธนาคารมีความทันสมัยและเหนือชั้นในด้านการบริการชองบัญฑูร ที่ผ่านมายิ่งทำให้ภาพ "มืออาชีพ"ของเขาแจ่มชัดและถูกจับตามองมากขึ้น
ความโดดเด่นจากฝีมือการบริหารงานที่มาจากแนวคิดของบัญฑูร ไม่เพียงแต่จะถูกพูดถึงในแวดวงนายแบงค์เท่านั้น แต่ในวงสนทนาระดับแกนนำพรรคการเมือง ที่ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์เอง ก็ให้ความสนใจในตัวเขาไม่น้อยไปกว่ากัน เนื่องเพราะบรรดานักการเมืองรุ่นใหม่ เชื่อว่า นายแบงค์หัวก้าวหน้าอย่างเขา น่าจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับพรรคการเมืองได้เป็นอย่างดี จนในที่สุดอาจขึ้นไปเทียบชั้นได้กับนายกฯทักษิณ ในวันข้างหน้าได้อย่างไม่ยากเย็น...
ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดจากกลุ่มแกนนำ สายพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เมื่อครั้งที่ยังรุ่งเรืองอยู่ในประชาธิปัตย์ เห็นว่าในยามที่พรรคกำลังขาดแคลนผู้นำรุ่นใหม่ ที่จะสามารถก้าวขึ้นไปเทียบคียงกับนายกฯทักษิณ ถึงแม้จะมี อภิสิทธิ์ แต่กลับยังไม่ใช่ "คำตอบ"ที่น่าพอใจนั้น "บัญฑูร ล่ำซำ" คือทางเลือกที่น่าสนใจ ดังนั้นจึงมีการส่งตัวแทนจากสาย เสธ.หนั่น ไปเจรจา แต่ปรากฏว่าไม่มีการตอบรับกลับมาจากเจ้าตัว การเจรจาในรอบนั้นจึงมีอันยุติลง
ต่อมาเมื่อบรรดาแกนนำกลุ่มเดิม ได้ย้ายไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ "มหาชน" ความคิดเดิมที่จะเชื้อเชิญให้ บัญฑูร มานั่งเป็น "หัวขบวน" ให้กับพรรคมหาชน ขณะนั้นอยู่ในช่วงก่อตั้ง และที่สำคัญยังติดปัญหาเรื่อง "ตัวบุคคล"ถูกวิจารณ์ว่าเป็นแหล่งรวมของเก่าทางการเมืองไว้ทั้งสิ้น ตั้งแต่หัวแถวไปจนถึงปลายแถว ดังนั้นจึงเกิดความเคลื่อนไหวประสานไปยัง "บัญฑูร "อีกครั้ง แต่ในที่สุด เจ้าตัวก็ยังไม่เปลี่ยนใจที่จะหันเข้าสู่เวทีในทางการเมือง ในช่วงนั้นพรรคมหาชน ไม่เพียงแต่หวังทาบทาม "บัญฑูร"เท่านั้น
ขณะเดียวกันยังมีความหวังอยู่ที่ "ศุภชัย พานิชภักดิ์" ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการค้าโลก ( WTO) เพราะเชื่อว่าสายสัมพันธ์อันดีระหว่าง เสธ.หนั่น กับ ศุภชัย อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจในวันข้างหน้าได้...แต่ในความเป็นจริงแล้วคนในพรรคมหาชน กลับต้องยอมรับความผิดหวัง เพราะทั้ง บัญฑูร และศุภชัย ไม่ได้เลือกเส้นทางแห่งการเมืองไว้ในใจ....
สำหรับมูลเหตุที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ชื่อของบัญฑูร มักถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับแวดวงการเมือง โดยเฉพาะกับพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว น่าจะเป็นเพราะ ก่อนหน้านี้ได้มีคนในตระกูล "ล่ำซำ" เดินเข้าสู่ถนนสายการเมืองล่วงหน้ามาแล้ว "โพธิพงษ์ ล่ำซำ" คือนายแบงค์ที่มีความสนใจการเมือง ประกอบกับได้รับการชักชวน จาก "พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล" ในฐานะที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนตามประสาพ่อค้านักธุรกิจด้วยกัน
"คุณพิเชษฐ เป็นคนชักชวน คุณโพธิพงษ์ ให้เข้ามาทำงานร่วมกับพรรค เพราะคุณพิเชษฐ เคยนั่งเป็นรัฐมนตรี คุมกระทรวงพาณิชย์ ส่วนคุณโพธิพงษ์ ก็อยู่ที่สภาหอการค้า ก็เห็นฝีมือกันจึงชักชวนให้เข้ามาช่วยงานที่พรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาคุณโพธิพงษ์ ก็มาเป็นรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงพาณิชย์ เพราะสามารถประสานกับหอการค้าได้ทั่วประเทศ" แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงที่มาของโพธิพงษ์ ที่เข้ามาสู่พรรค
ภายหลังการเข้ามาสัมผัสงานด้านการเมือง ของโพธิพงษ์ ดูเหมือน ณ วันนี้ตัวเขาเองก็มีความพึงพอใจ และตั้งใจทุ่มเทแรงกาย และทุนทรัพย์ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเป็นอย่างดี การเลือกตั้งใหญ่ เมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา โพธิพงษ์ เองได้ลงไปคลุกคลีกับผู้สมัครในพื้นที่ภาคกลางอยู่หลายจังหวัด นอกเหนือไปจากการหนุน ด้วยเม็ดเงินแล้ว นั่นคือโพธิพงษ์ ล่ำซำ ....
แต่บทบาทที่ โพธิพงษ์ เหล่านั้นอาจไม่ใช่ทางเลือกและสไตล์ของ "บัญฑูร ล่ำซำ"อย่างแน่นอน ความสุข ความพึงพอใจของซีอีโออย่างเขา ณ วันนี้ยังคงโฟกัสไปที่การเติบโตของแบงก์กสิกรไทย มากกว่าที่จะหันมาเล่นบท "นักการเมือง"อย่างแน่นอน...
" ไม่เอา ไม่สนใจ ใครจะพูดถึง ก็พูดกันไป ใครจะเชื่อมโยงก็ว่ากันไป เพราะมีภารกิจหนักในการบริหารแบงค์ จะต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้ทันกับการแข่งขันของโลกเพื่อความอยู่รอด ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่สนใจการเมือง และไม่ฝักใฝ่กับพรรคใด แต่เป็นมิตรกับทุกพรรคการเมือง "
นี่คือบทสรุปที่ "บัญฑูร ล่ำซำ"ให้กับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์ !
|
|
|
|
|