Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์13 ตุลาคม 2548
“บัณฑูร”เขย่าวงการ หนุนราคาหุ้น KBANK             
 

   
related stories

โบรกฟันธงหุ้น KBANK 85 บาท
เบื้องหลัง-เบื้องลึก กำเนิด K-Heroes
"บัณฑูร" ลั่นไม่ลงสนามการเมือง ยันเป็นพันธมิตรทุกพรรค!
Customer Centric Bank

   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
บัณฑูร ล่ำซำ
Electronic Banking




แบงก์กสิกรไทยขยับตัว เขย่าวงการธุรกิจธนาคารไทย ด้วยการรวมศูนย์ยุทธศาสตร์ และบูรณาการกลยุทธการตลาดของทั้งเครือเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มสารพัดวิธีการ
ยกเครื่องใหญ่เทคโนโลยี-บริการ ปรับกระบวนรบใหม่ รับทัพแบงก์นอกที่หวังเตรียมฮุบแบงก์ไทย
ปฏิวัติมิติบริหารใหม่วงการธนาคารไทย ที่หลายแบงก์เริ่มเพ่งมอง และหันมาปฏิบัติตาม
เซียนหุ้นชี้การปรับตัวเป็นผลดีต่อรายได้ ดันราคาหุ้น 80 บาท

“สิ่งที่เรากลัวคือระบบไอทีดีๆที่แบงก์ฝรั่งมีแล้วไทยไม่มี เพราะระบบไอทีคือหัวใจของธุรกิจการเงิน”

บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาหลัง “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ถามว่า วันนี้กสิกรไทยกลัวอะไรมากที่สุด

นายแบงก์ผู้นี้อธิบายว่า เพราะไอทีไม่ใช่สิ่งที่สามารถไปซื้อหรือหยิบจากชั้นมาได้ เนื่องจากระบบการเงินเป็นระบบใหญ่ ไม่ใช่ไปซื้อระบบไมโครซอฟท์ ออฟฟิศมาทำแล้วสามารถไล่ทันต่างชาติได้ ถือเป็นความเข้าใจผิดของการประเมินสถานการณ์ระบบธุรกิจการเงินไทย ถ้าออกแบบโรงงานปูน กระเบื้อง รองเท้า ขบวนการมันมีอยู่แค่นั้นเห็นอยู่ เดี๋ยวก็จบ แต่การเงินตัวเลขมันหลากหลายแล้วทุกตัวเลขผิดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เพราะบริการการเงินมีหลากหลายรูปแบบข้อมูลเต็มไปหมด มีประเด็นเรื่องของความลับ ความมั่นคงถูกต้องแม่นยำทุกสตางค์ มีความสะดวกรวดเร็ว และต้องมีความปลอดภัย”

เรื่องของเรื่องก็คือ วันนี้กสิกรไทยกำลังเข้าสู่อีกยุคหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม แม้ว่าจะเริ่มสบายจากการรอดวิกฤตครั้งที่ผ่านมา แต่วันนี้กำลังเผชิญวิกฤตอำนาจที่หนักกว่าเดิม เพราะครั้งที่แล้วปัญหามีมิติเดียวคือ คุณภาพของสินทรัพย์ตกต่ำชาติทนบาดแผลไม่ไหว เติมเลือดทันก็รอด เติมเลือดไม่ทันก็ตาย โจทย์มีตื้นๆอยู่แค่นั้น

“ครั้งใหม่นี้ประหลาด มันเปิด มันมากันเยอะแยะจากเอฟทีเอ มันมาเคาะประตูแล้ว และมันต้องเปิด ไม่มีทาง แต่ละยุควิกฤตมาไม่เหมือนกัน” เป็นคำกล่าวของ ซีอีโอที่ผสมผสานศาสตร์ตะวันออกและตะวันตก ฮวงจุ้ยและการจัดการสมัยใหม่

เมื่อกองทัพการเงินจากต่างชาติดาหน้าเข้ามาเช่นนี้ ทำให้ธนาคารกสิกรไทยต้องขยับแข้งขยับขาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ภาพที่ปรากฏชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้ก็คือ โฆษณาชุด KHeroes ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ต่อเนื่องจากแบรนด์แบงก์กสิกรไทยเป็นแบรนด์เครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมี 6 บริษัท คือ ธนาคารกสิกรไทย บริษัทแฟคตอริ่งกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทลิสซิ่งกสิกรไทย โดยมี KExcellence เป็นสัญลักษณ์แห่งผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพจากเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งลูกค้าจะพบสัญลักษณ์ K ทุกช่องทางของการให้บริการ

แต่ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเพียงจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่ถูกวางไว้ เพราะโฆษณาที่เน้นเทคโนโลยีทั้งไฮเทค และไฮทัชนี้ต้องการเพียงให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าใช้บริการจากธนาคารกสิกรไทยแล้วเป็นคนทันสมัย แม้จะมีบางจุด บางสาขาที่ผู้ใช้บริการเข้ามาแล้วยังรู้สึกว่ายังคงอบอวลไปด้วยความรู้สึกเก่าแบบดั้งเดิมอยู่ แต่เชื่อว่าภาพเช่นนั้นอีกไม่นานคงจางหายไป โดยมีความรู้สึกแบบใหม่เข้ามาแทนที่

ทว่า จริงแล้วกสิกรไทยยังมีโจทย์อื่นที่ยาก และใหญ่กว่านี้ ที่คาดว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวถัดไปที่นายแบงก์รายนี้ให้ความสำคัญมากขึ้นมากขึ้น เพื่อใช้เป็นเกราะและอาวุธในการต่อต้าน ต่อสู้กับการล่าอาณานิคมรูปแบบใหม่ที่ไหลมาตามกระแสการค้า มาทางระบบทุนที่ไหลอย่างไม่มีพรมแดน

“ขณะนี้ผู้รุกรานได้เข้ามาแล้ว ยิ่งเปิดมันก็ยิ่งเข้ามา ตลาดในสายที่เป็น complex product ตอนนี้เราไม่ถนัดเท่าไร เพราะเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ทุกคนต้องพัฒนาโดยมีระบบไอทีสนับสนุน”

สร้างเกราะ-ติดอาวุธ ด้วยไอที-บริการ

ภาพ 6 ฮีโร่พันธ์ใหม่ตัวสีเขียวที่ปรากฏผ่านภาพยนตร์โฆษณาความยาว 90 วินาที ก่อนจะคัทดาวน์ลงเหลือ 45 วินาทีนั้น ซีอีโอแบงก์กสิกรไทย กล่าวว่า เป็นเพียงแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้น

“ผมออกตัวในวันแถลงข่าวว่าไอ้นี่ (โฆษณา) ตัวมันเองไปได้แค่ไม่กี่น้ำหรอก มันก็ได้แค่ฟู่ฟ่าชั่วคราว ถ้าทำแต่เมื่อลูกค้ามาแล้วไม่ได้รับการบริการที่ดี ไม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีสักพักแบงก์นี้มันก็ล้ม เพราะฉะนั้นตัวมันเองไม่ใช่เป็นการรีแบรนด์ดิ้ง ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้กันอย่างไม่ระมัดระวังในวงการตลาดไทย พอเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอะไร รีแบรนด์ดิ้ง...ไม่ใช่ สุดท้ายมันคือประสบการณ์ของลูกค้า นี่แหละ real brand เลย”

และสิ่งที่จะทำให้เกิด real brand ได้ จึงจำเป็นต้องนำเรื่องบริการและเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งเป็นหมากล่าสุดที่แบงก์กสิกรต้องการสื่อไปถึงผู้บริโภคผ่านงานโฆษณาล่าสุด ทว่า การจะให้บริการที่ดี ชนิดลงลึกถึงความต้องการของผู้บริโภคจนถึงใจนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบไอทีเข้ามารองรับด้วย

“ลำพังแบงก์ปล่อยกู้อย่างมากได้แค่เสมอตัว เพราะมันเป็นได้แค่กระแสตามสภาพเศรษฐกิจมีขึ้นมีลง ตอนจบได้เท่าตัวถือว่าเก่งแล้ว ที่เหลือมันมาจากค่าธรรมเนียม ซึ่งก็คือการซื้อขายแบบตื้นๆ เช่น เอทีเอ็ม และทุกคนก็มีกันหมดแล้ว

นอกนั้นก็ต้องเป็นเรื่องของสินค้าใหม่ๆ เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ในอนาคต ซึ่งหนีไม่พ้นเป็นเรื่องของนวัตกรรม แต่นวัตกรรมเป็นเรื่องของสมองเขียนออกมาบนกระดาษอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีระบบไอทีรองรับ เพราะฉะนั้นจึงถือว่าระบบไอทีเป็นโจทย์ใหญ่ของธุรกิจการเงิน และเป็นสิ่งที่ฝรั่งได้เปรียบเพราะเขาทำแล้ว ส่วนระบบที่เรามีก็เก่าแล้วทั้งนั้น ไม่คล่องตัว แยกกันเป็นชิ้นๆ แล้วมันจะไปรวมกันมีพลังในการให้บริการได้อย่างไร”

แม้ว่าใน 4-5 ปีที่ผ่านมากสิกรไทยได้พัฒนาเทคโนโลยีพอสมควร แต่ต่อไปนี้จะเกิดขึ้นอีกมากมายเพราะบางสิ่งการจัดการไม่มีคุณภาพ บางสิ่งเดินเข้ากรอบตัน บางสิ่งเทคโนโลยียังไม่ถึง แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีหลายอย่างมากกว่าที่ผู้บริหารของธนาคารประเมินไว้ และการจะฝ่าปราการตรงนี้ไปได้คือ ต้องไม่ไปติดหล่มอยู่กับเทคโนโลยีรุ่นเก่าที่ไม่มีความคล่องตัว

“นับจากนี้ไปจะเห็นมหกรรมของการ integrated และตัวสำคัญที่สุดคือไอที เพราะในตอนนี้โจทย์ที่จะทำเรื่อง call banking ในเรื่อง application ต่างๆ ทุกคนต้องคิดเป็นโจทย์ในแง่ของเครือ เครือจะต้องมีเครื่องมือที่เชื่อมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลอมเครื่องมือทางเทคนิคไมให้เป็นอุปสรรค แล้วค่อยมาหลอมใจของคนทำ”

การกลับมาของ บริการทุกระดับประทับใจ

ปัจจุบันแบงก์กสิกรไทยมี Key Business Capability ในการดำเนินธุรกิจอยู่ 3 ประการคือ 1.Know your Customer 2.บริการได้ทุกช่องทาง 24 ชั่วโมง และ 3.IT Capital ทั้งหมดนี้ล้วนตอบโจทย์ในเรื่องของการบริการที่มุ่งไปสู่สิ่งที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายธนาคารกำลังดำเนินกลยุทธ์นี้อยู่ทั้งสิ้น (อ่านล้อมกรอบ Customer Centric Bank ถึงยุคที่แบงก์ต้องยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อความอยู่รอด)

สิ่งที่น่าสนใจของอีกประการหนึ่งของยุทธศาสตร์ล่าสุดของกสิกรไทย คือ การนำสโลแกนที่ว่า บริการทุกระดับ ประทับใจกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่หันไปใช้สโลแกนที่ว่า “สะดวกทุกที่ ดีทุกบริการ” มาได้ระยะหนึ่ง

“ตอนนั้นข้างในฮิตการทำแบรนด์ดิ้งก็เกิดความรู้สึกว่าจะต้องมีคำพูดอะไรที่สะท้อนความเป็นแบรนด์ออกมา ซึ่งได้ออกมาว่า สะดวกทุกที่ ดีทุกบริการ แต่เมื่อมาคิดๆกันอีกทีแล้วเห็นว่าบริการทุกระดับประทับใจ ที่มีอยู่มันก็สะท้อนอยู่แล้ว จะไปร่างสโลแกนที่2 ออกมาทำไมให้สับสนก็เลยเลิก”

บัณฑูร กล่าวอีกว่า นับจากนี้โฆษณาที่เรียกว่า คอร์ปอเรท อิมเมจ แอดเวอร์ไทซิ่ง ของบริษัทในเครือตนจะเป็นผู้ทำเอง แต่ถ้าเป็นโฆษราผลิตภัณฑ์ แต่ละบริษัทสามารถแยกไปทำได้แต่ต้องใช้กรอบแบบเดียวกัน และใช้ภาษาโฆษณาเดียวกัน แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนทั้งหมด จะไม่มีการแตกกันไป เพื่อที่แต่ละบริษัทจะได้ไม่ต้องไปคิดมุขโฆษณาของตนเอง ทั้งยังมีคำพูดเขียนข้างล่างว่า “เครือธนาคารกสิกรไทย บริการทุกระดับประทับใจ” ทุกโฆษณา ทุกหัวจดหมาย ทุกเอกสาร อิมเมจจะเซ็นทรัลไลซ์ มากขึ้นกว่าเดิม

ยกเครื่องระบบไอที

สุวัฒน์ เจริญวิจิตรชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานไอทีแคปปิตอล ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านไอทีเพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ใหม่ของธนาคารกสิกรไทย ว่า โดยโครงการสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ค่อนข้างที่จะเก่าใช้มากว่า 20 ปี จึงต้องเปลี่ยนแปลงระบบหลัก หรือ Core Banking ระบบนี้จะรองรับระบบเงินฝาก ระบบเงินกู้ และระบบฐานข้อมูลลูกค้า ในลักษณะการเปลี่ยนของเก่าออกและนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้งาน

อีกด้านหนึ่งคือโครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบเครือข่ายเชื่อมโยงกับสาขา ระบบประสานงานผ่านในธนาคาร และพวกเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรินเตอร์ สแกนเนอร์ รวมทั้งฮาร์ดแวร์ เซิร์ฟเวอร์ต่างๆ ที่ใช้ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

“เรากำลังมุ่งลูกค้าเป็นแกน”

ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยพัฒนาคอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะรองรับบริการแต่ละผลิตัภัณฑ์ เมื่อมีการเชื่อมโยงเข้าหากันของข้อมูลจะมีข้อจำกัด ครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่ของทั้งเครือแบงก์ ให้หันมามองในแกนของลูกค้าเป็นหลัก แทนที่จะมองในแกนของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก

ธนาคารกสิกรไทยและทั้งเครือจะเข้าใจลูกค้าว่าลูกค้ามีการใช้บริการใดของธนาคารบ้าง มีการใช้งานมากน้อยเพียงไร การออกแคมเปญใหม่ จึงสามารถทำให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดี ทำให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ระบบเทคโนโลยีของ Core Banking ใหม่ จะช่วยให้ออกโปรดักส์ให้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ระยะเวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี

ด้านซอฟต์แวร์ที่ธนาคารกสิกรไทยกำลังพิจารณาเลือกนั้น มีทั้งซอฟต์แวร์จากอเมริกาและยุโรป คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2549

นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเรื่องของการรักษาความปลอดภัยทั้งฮาร์ดแวร์ เน็ตเวิร์กต่างๆ ขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาโจมตี หรือปล่อยไวรัสเข้ามาธนาคารได้

สุวัฒน์ ได้ขยายความ Core Banking แอปพลิเคชั่นของ ธนาคารกสิกรไทย ว่าส่วนที่หนึ่งคือระบบเงินฝาก ออมทรัพย์ กระแสรายวัน ทวีทรัพย์ ระบบพวกนี้จะทำงานอยู่บนรายการของ Core Banking ระบบที่สองคือระบบเงินกู้เมื่อลูกค้ามากู้เงินธนาคารจะมีการเก็บข้อมูลทั้งหมดของลูกค้า เข้าไปในระบบ ระบบจะมีการคิดคำนวณเรื่องต่างๆ ทั้งดอกเบี้ย ค่าใช้จ่าย วันไหนชำระเงินและการเก็บเข้าระบบ
ส่วนที่สามเรียกว่าระบบข้อมูลลูกค้าของแต่ละผลิตภัณฑ์ ระบบจะรู้ว่าลูกค้ามีเงินกู้เงินฝากเท่าไร และมีข้อมูลอื่นๆ ที่ระบุว่าลูกค้านี้อยู่ในลูกค้าประเภทใด

ยิ่งไปกว่านั้นระบบใหม่ที่เกิดขึ้นช่วยให้ธนาคารกสิกรไทยให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานยิ่งขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่าย สามารถสร้างความได้เปรียบของการแข่งขันในวงการธนาคาร ทำให้ธนาคารออกโปรดักส์ได้เร็ว มีความเด่นชัด ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพราะลูกค้ามีความต้องการที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน

ยุทธศาสตร์เข้าถึงลูกค้า

ขัตติยา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานเลขาธิการองค์กร รับผิดชอบในแกนยุทธศาสตร์ใหม่ ด้านการเข้าถึงลูกค้า (Know Our Customer Project) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของแกนยุทธศาสตร์หลักของการเสริมสร้างความสามารถของธนาคารกสิกรไทยยุคใหม่

เดิมซึ่งขัตติยาจะรับผิดชอบเพียงการวางแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารกสิกรไทยและเครือบริษัทในตระกูล “K” ทั้งหมด แต่จากนี้ไปจะเข้าสู่ระบบการรวมศูนย์ยุทธศาสตร์ และการบูรณาแผนทางการตลาดของบริษัทในเครือเข้าเป็นกระบวนการขับเคลื่อนเดียวกัน วัตถุประสงค์เพื่อสร้างศักยภาพในการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ ในราคาและเวลาที่เหมาะสม จึงต้องมีการพัฒนาระบบข้อมูลและกระบวนการจัดเก็บและใช้ข้อมูลลูกค้าให้เกิดประโยชน์ทางการตลาดอย่างเต็มที่ โดยผ่านแผนการส่งเสริมการตลาด และโปรแกรมการตลาดที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

เจาะลูกค้าทุกกลุ่ม

ในการนี้มีการแบ่งลูกค้าออกเป็น 7 กลุ่มตั้งแต่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดย่อม จนถึงลูกค้ารายบุคคล ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทในเครือจะใช้ช่องทางต่างๆ ในการเข้าถึงและเสนอขายบริการของทั้งกลุ่ม ซึ่งครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

ขัตติยา ชี้แจงว่าขณะนี้กำลังพิจารณาเลือกบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดเข้ามาช่วยและโครงการเข้าถึงลูกค้า จะใช้เวลาเดือนพฤศจิกายน 2548 ถึงธันวาคม 2549 ซึ่งจะช่วยให้มีข้อมูลลูกค้าทุกแง่มุมที่เป็นประโยชน์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน และการเสนอขายผ่านช่องทางต่างๆ เช่นโดยพนักงาน ผ่านทางโทรศัพท์ระบบคอลล์เซ็นเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต หรือทางโทรศัพท์ผ่านระบบเอสเอ็มเอส เป็นต้น

“ลูกค้าเป้าหมายทั้ง 7 กลุ่ม เมื่อมีข้อมูลที่ละเอียดจะทำให้เรารู้ความต้องการ และพฤติกรรมการใช้บริการก็สามารถเสนอขายบริการของทุก K ไม่ใช่แต่การรับเงินฝาก แต่ยังให้คำปรึกษาแนะนำการลงทุน หรือความสะดวกในการเพิ่มคุณค่าเงินออมได้อีกหลากหลายวิธี”

ช่องทางการเงิน 24 ชั่วโมง

นอกจากการให้บริการผ่านสาขา (เคแบงก์ อี-แบงก์กิ้ง เซ็นเตอร์) แล้วธนาคารกสิกรไทยยังมีการพัฒนาช่องทางเพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าเป็นไปได้สะดวกตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น เคแบงก์ อี-เอทีเอ็ม 24 ชั่วโมง, อี-อินเทอร์เน็ต, อีโฟน แบงก์กิ้ง และ อี-โมบายโฟน

อี-อินเทอร์เน็ต เป็นการให้บริการผ่านเว็บไซต์ www.KASIKORNBANK.com ซึ่งให้บริการธุรกรรมทางการเงินโดยลูกค้าสามารถจัดการด้านเงินได้สะดวก และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยนำรหัสรักษาความปลอดภัย (Security Password) มาใช้ควบคู่กับรหัสเข้าสู่ระบบ (Login Password) เพื่อใช้เปลี่ยนแปลงข้อมูล ในการใช้บริการ KBANK e-Internet ของลูกค้า เช่น การขอเพิ่มบัญชีที่ใช้ผ่านบริการ KBANK e-Internet, การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการติดต่อกับธนาคาร

KBANK e-Internet ยังสามารถสร้างรูปแบบส่วนตัว (Personalization) ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างแบบฟอร์มในการชำระค่าสินค้า/ บริการ, การทำ Shortcut พิเศษที่หน้าหลักของบริการ สำหรับรายการ ทางการเงินที่คุณต้องทำเป็นประจำ รวมถึงการนำเสนอข่าวสารด้านการเงิน อาทิ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงข้อแนะนำ หรือข้อเสนอพิเศษต่างๆ ในการใช้บริการต่างๆ ของธนาคาร

สำหรับบริการ KBANK e-Internet จะประกอบด้วย บริการดูข้อมูลทางบัญชี, บริการเกี่ยวกับบัตรเครดิต, บริการโอนเงิน, บริการเรื่องเช็ค, บริการชำระค่าสินค้า/บริการ, บริการอายัดบัตร, บริการสมัคร KBANK e-Web Card เพื่อซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต

อี-โมบายโฟน เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยมีเครื่องมือที่สำคัญคือ Mobile Payment Club by KBANK (MPC) ที่ให้บริการชำระและโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยการชำระเงินจะทำผ่าน ระบบ SMS และเมื่อเสร็จสิ้นการชำระเงิน เงินค่าสินค้าจะถูกโอนจากบัญชีของผู้ซื้อไปยังบัญชีของร้านค้าโดยตรงทันที ปัจจุบันสามารถใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือของระบบ DTAC และ AIS ทั้งแบบ Pre-paid (เติมเงิน) หรือ Post-paid (ชำระค่าบริการรายเดือน) ซึ่งเป็นรุ่นใดก็ได้ที่สามารถทำการรับส่ง SMS ได้

ทั้งนี้รูปแบบของการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการของ Mobile Payment Club by KBANK มีทั้งหมดมี 5 รูปแบบ คือ การชำระเงินด้วยการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ (Call Center Commerce), การชำระเงินด้วยการสั่งซื้อผ่านระบบ SMS (SMS Commerce), การชำระเงินด้วยการสั่งซื้อผ่านระบบ E-Commerce (E-Commerce), การชำระค่าสาธารณูปโภคและค่าสินค้า โดยได้รับการแจ้งหนี้ (Bill Payment) (ปัจจุบันยังไม่เปิดให้บริการ) และ การโอนเงินในรูปแบบของ P2P (Person to Person Transfer)

อี-โฟนแบงก์กิ้ง เป็นบริการทางการเงินผ่านโทรศัพท์อัตโนมัติ (02) 888-8888 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งให้บริการชำระค่าสินค้าต่างๆ เช่น เพจเจอร์ โทรศัพท์มือถือ บริการเช่าซื้อ เคเบิ้ลทีวี อินเตอร์เน็ต ธุรกิจขายตรง ประกัน วัสดุก่อสร้าง การเกษตร น้ำมัน เครื่องดื่ม โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา กองทุน สถาบันการเงิน มูลนิธิ

อี-เอทีเอ็ม เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่อง ATM ของ ธนาคารกสิกรไทยกว่า 1,200 เครื่องทั่วประเทศ โดยผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม บัตรเอทีเอ็มท่องโลก บัตร อี-แคชการ์ด บัตร Flex-C และบัตรเครดิต ทั้งของธนาคารกสิกรไทย บัตรต่างธนาคาร (ซึ่งอยู่ในเครือเอทีเอ็มพูล) รวมถึงบัตรของธนาคาร ต่างประเทศที่อยู่ในเครือ PLUS และ CIRRUS สามารถใช้บริการ KBANK e-ATMได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us