ทีพีไอ โพลีน เตรียมจ่ายปันผล หลังล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง ต.ค.นี้ยื่นคำร้องต่อศาลยืดเวลาแผนฟื้นฟูอีก 1 ปี ป้องกันทุ่มราคาสินค้า “ประชัย” เผย กำไรสุทธิไตรมาส3 พุ่ง 3,227ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,189.2% ขณะที่พร้อมเตรียมยื่นคัดค้านผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ ที่ยื่นเรื่องขอแก้ไขข้อบังคับให้พันธมิตรสามารถเรียกประชุมผู้ถือหุ้นได้
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว จากสิ้นปี 47 ที่มี 1,170 ล้านบาท ซึ่งทำให้มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกจำนวน 2,560 ล้านบาท โดยทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้ แต่จะสามารถจ่ายปันผลได้ภายในปีนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บริหารแผนและคณะกรรมการของบริษัท เพราะ ยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะต้องนำเงินจ่ายคืนเจ้าหนี้ก่อน ซึ่งนโยบายของบริษัทนั้นจะจ่ายเงินปันผลประมาณ 20-30% ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ในสิ้นปีนี้บริษัทจะต้องชำระหนี้แก่เจ้าหนี้จำนวน 36 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะสามารถชำระคืนได้ เพราะฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่บริษัทชำระคืนหนี้ในสิ้นปีนี้จะทำให้มูลหนี้ของบริษัทลดลงจาก 26,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 24,000 ล้านบาท
ในเดือนต.ค.บริษัทจะมีการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอยืดระยะเวลาการอยู่ในแผนฟื้นฟูอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเป็นการ ป้องกันการทุ่มราคาสินค้าของคู่แข่ง เพื่อไม่ให้บริษัทได้รับผลกระทบ และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งกับบริษัท เพราะ หากบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูเมื่อมีการทุ่มราคาสินค้าแล้ว จะทำให้บริษัทขาดทุนและอาจต้องปิดกิจจาก ซึ่งบริษัทสามารถยื่นคำร้องขอยืดเวลาอยู่ในแผนฟื้นฟูได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี
“บริษัทจะมีการยื่นคำร้องต่อศาลในเดือน ต.ค.ในการขอยืดเวลาแผนฟื้นฟูกิจการอีก 1 ปี เพื่อเป็นเกราะป้องกันการทุ่มราคาสินค้า เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัท แต่ขณะนี้บริษัทก็มีความแข็งแกร่งแต่เพื่อความไม่ประมาณหากคู่แข่งมีการทุ่มราคาสินค้า เพื่อให้ศาลคุ้มครองไม่ให้มีการทุ่มราคา”
นายประชัย กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3/48 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 6,001 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.95% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มี 5,886 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 1,114 ล้านบาท ลดลง 12.56% จากช่วงเดียวกันปี47 ที่ 1,274 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติ 394 ล้านบาท ลดลง 23.18% จากงวดเดียวของปีที่ผ่านมา 513 ล้านบาท เพราะ เกิดจากมีการทุ่มราคาปูนลดลง 150-200 บาท แต่ก็เชื่อว่าราคาปูนอนาคตจะต้องมีการปรับขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 3,227 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.10 บาท เพิ่มขึ้น 2,189.2% จากกำไรสุทธิงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา 141 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.18 บาท เนื่องจาก ไตรมาส 3/ 2548 บริษัทฯ บันทึกกำไรจากการซื้อหนี้คืน 2,655 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 163 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 357 ล้านบาท โดยได้มีการนำดอกเบี้ยผิดนัดชำระค้างจ่ายจำนวน 162 ล้านบาทไปลดดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 519 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบ 9 เดือนปี 48 บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานธุรกิจปกติ 1,369 ล้านบาท ลดลง 45.81 % จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มี 2,526 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิ 3,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.68 % จากช่วงเดียวกันปี 47 ที่มี กำไรสุทธิ 2,968 ล้านบาท โดยมีมูลค่าตามบัญชี 48.96 บาท
อย่างไรก็ตามการที่บริษัทถือหุ้น 80 ล้านหุ้นใน บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TPI ซึ่งหากมีการขึ้น XR ทำให้บริษัทใช้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นเพิ่มทุนTPI ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคา 3.30 บาท ก็จะทำให้TPIPL มีกำไรเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท
นายประชัย กล่าวในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ บริษัท อุตสาหกรรม ปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI ว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548 TPI มียอดขายได้ประมาณ 1.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.09 แสนล้านบาท มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) งวด 9 เดือน48 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง1% จากปีก่อนที่มี 1.6 หมื่นล้านบาท จาก สต๊อกน้ำมัน และคาดว่ายอดขายของ TPI ปีนี้น่าจะสูงกว่าประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ 1.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีคงจะเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้คือ 1.8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทเตรียมยื่นขอคัดค้านต่อศาลล้มละลายกลางเกี่ยวกับคำร้องของผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอที่ยื่นเรื่องขอแก้ไขข้อบังคับให้พันธมิตรสามารถเรียกประชุมผู้ถือหุ้นได้ และมีสิทธิ์แต่งตั้งคณะกรรมการได้ โดยจะต้องยื่นคัดค้านภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ผู้บริหารแผนฯได้มีการยื่นเรื่องไปยังศาลฯ เนื่องจากการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเป็นสิทธิของคณะกรรมการบริษัท นอกจากนี้ จะไม่มีการยื่นสิทธิคัดค้านผู้บริหารแผนฯขอยืดระยะเวลาฟื้นฟูกิจการขอทีพีไอออกไปอีก 3 เดือน เป็นสิ้นสุด มี.ค.2549 เพราะถือเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ที่สามารถกระทำได้
|