Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2534
ก้าวใหม่เอสจีวี-อาเธอร์แอนเดอร์เซ่นปี'34 หลังจากยุกต์ ณ ถลางวางมือ             
 


   
search resources

ยุกต์ ณ ถลาง
Auditor and Taxation
Consultants and Professional Services
เอสจีวีกรุ๊ป
สำนักงานอาร์เธอร์ แอนเดอร์เซ่น




ปี พ.ศ.2534 นี้ ศจ.ยุกต์ ณ ถลาง ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตหมายเลขหนึ่งก็จะล้างมือในอ่างทองคำขณะที่มีอายุ 78 ปี เหลือไว้แต่ตำแหน่งประธานกรรมการเอสจีวีกร๊ปเท่านั้น แต่งานบริหารส่วนใหญ่ได้วางมือสิ้นเชิงให้กับประธานกรรมการบริหารคนใหม่ชื่อ มาริษ สมารัมภ์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงพร้อมกับทีมงานบริหารซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิดูแล "เอสจีวีกรุ๊ป" สำนักงานสอบบัญชีและที่ปรึกษาธุรกิจเก่าแก่อายุ 24 ปีแห่งนี้

"การแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ในครั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มสำนักงาน อาร์เธอร์ แอนเดอร์เซ่นซึ่งเป็นสำนักงานให้บริการด้านวิชาชีพสอบบัญชีและปรึกษาธุรกิจระดับโลก ซึ่งจะทำให้สำนักงานสามารถขยายบริการใหม่ได้เหมาะสม" ศจ.ยุกต์เล่าให้ฟัง

เมื่อ 6 ปีที่แล้วนับตั้งแต่ที่เอสจีวีได้เข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่น ทิศทางการปรับขายแนวธุรกิจที่แตกตัวจากการเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชีเอสจีวีได้เกิดขึ้นชัดเจนในปีนี้ เป็นบริการที่ปรึกษาด้านภาษีอากร เทคโนโลยี การสรรหาผู้บริหารเข้าลักษณะบริการครบวงจรแบบยิงนกหลายตัวด้วยกระสุนนัดเดียว

"หลังจากนั้นเมื่อเราเริ่มต้นศึกษาโครงการให้ลูกค้าแล้วเขาตัดสินใจมาลงทุน ทางเราก็จะส่งต่อให้คุณนิกร์กานต์รับจดทะเบียนบริษัท และถ้าหากเขาต้องการวางระบบบัญชีเข้ากับกฏหมายไทยก็จะส่งงานนี้ต่อไปให้คุณธวัช รวมทั้งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจหรือจัดหาคนให้เขา ในขั้นต่อไปถ้าเขาจะเข้าตลาดหุ้น เราก็ทำคำร้องตามกฏระเบียบของตลาด ฯ ได้หรือจะขอส่งเสริมจากบีโอไอเราก็ทำให้ได้" นี่คือบริการที่ศจ.ยุกต์เล่าให้ฟัง

แนวโน้มของการให้คำปรึกษาเชิงธุรกิจเช่นว่านี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นซึ่งจัดว่าเป็นยักษ์ใหญ่หนึ่งในหกของโลกและมีกิจการสำนักงานสอบบัญชี-ที่ปรึกษาธุรกิจทั่วโลก 50 แห่ง ปีที่แล้วสามารถทำรายได้จากกลยุทธ์การดำเนินงานนี้ประมาณ 104 พันล้านบาท

การเข้ามาร่วมกับเอสจีวีในไทยเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งด้านมาตรฐานบริการและผลประโยชน์ให้กับเอสจีวีอย่างมาก ประการแรก อาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นมีความเป็นเลิศในเรื่อง Information system หรือเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เอสจีวีสามารถใช้จุดเด่นบริการด้านนี้ขยายกิจการบริษํทให้ครอบคลุมกว้างขวางขึ้นได้

"เรามีซอฟท์แวร์แมคแพค-ของอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นที่นำมาดัดแปลงให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า อย่างเช่นเราทำให้กับลีเวอร์บราเธอร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตตั้งแต่นำเข้าวัตถุดิบค่าแรง โสหุ้ยต่าง ๆ จะได้ข้อมูลที่ทันสมัยและรวดเร็วมาก เหมาะสำหรับการบริหารและการตัดสินใจ" ศจ.ยุกต์ เน้นถคงบทบาทของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในข้อมูลที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพ

ประการที่สอง-เอสจีวีสามารถใช้ลักษณะ NETWORK WORLDWIDE ของอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นที่มีผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลอยู่ทั่วโลก 50 แห่ง เกื้อหนุนการให้บริการคำปรึกษาแก่ลูกค้าที่เป็นนักลงทุนไทยหรือนักลงทุนต่างประเทศได้กว้างขวาง

"สมมุตว่าลูกค้าคนไทย เช่น แบงก์พาณิชย์ที่อยากจะขยายไปเปิดสาขาหรือสำนักงานตัวแทนแบงก์ที่ยุโรปตะวันออก เราก็มีสำนักงานอยู่ที่บรัสเซลส์และที่อื่นอีก 12 ประเทศ บริการคำปรึกษาให้เขาหรือจุไปลงทุนเมืองจีนก็เช่นเดียวกัน เรามีข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญพร้อม" ศจ.ยุกต์เล่าให้ฟังถึงเครือข่ายที่ให้บริการรอบโลกของอาเธอร์แอนเดอร์เซ่น

นอกจากนี้การเป็น MEMBER FIRM ของอาเธอร์ แอนด์เดอร์เซ่นยังนำมาซึ่งลูกค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติ (MULTINATIONAL) อีกด้วย เช่น คาลเท็กซ์ แบงก์มิตซุยและแบงก์อเมริกา การได้ทำงานตวจสอบบัญชีที่มีมาตรฐานระดับโลกก็จะเป็นการช่วยพัฒนาคนของเอสจีวีกรุ๊ปได้ในเวลาเดียวกัน

"ผมส่งคนไปเรียนและทำงานตรวจสอบบัญชีที่เมืองนอกเช่นผมส่ง สมคิด เตียตระกูลไปทำงานที่โอกลาโฮมาเพื่อให้เขาซาบซึ้งกับการทำงานด้านแก๊สกับน้ำมัน หรือธีระพงษ์ แก้วรัตนปัทมาไปทำงานแบงก์ที่นิวยอร์ก นอกจากนั้นยังส่งประสิทธิ์ มุสิกพันธุ์ไปออสเตรเลียและคนอื่น ๆ เช่นประภาศรีไปทำงานที่ญี่ปุ่น เพื่อเขาจะได้มีประสบการณ์กว้างขึ้น นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่ผมถือว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคร" ศจ.ยุกต์เล่าให้ฟัง

และประการสุดท้ายในฐานะเอสจีวีกรุ๊ปเป็นยักษ์เล็กแห่งภูมิภาคเอเซียที่มีสำนักงานบัญชีระหว่างประเทศใน 10 บริษัทได้แก่สำนักงานที่ฟิลิปปินส์ ไทย ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี ศรีลังกา มาเลเซีย อินโดนีเซียและบูรไนเอสจีวีรู้จักตลาดและปกครองคนในภูมิภาคนี้ได้ดีกว่า ซึ่งเสริมให้อาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นขยายตลาดในภูมิภาคเอเซียได้กว้างขวางขึ้น

ในประเทศไทย เอสจีวีกรุ๊ปมีด้วยกัน 4 บริษัท โดยแต่ละบริษัทมีสี่ขุนพลหนุ่มที่ ศจ.ยุกต์ได้วางใจตั้งให้เป็นผู้บริหารชุดใหม่นี้ ประกอบด้วยธวัช ภูษิตโภยไคยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท สำนักงาน เอส-จีวี-ณ ถลาง ธวัชเป็นผู้สอบบัญชีรุ่นบุกเบิกทำงานกับศจ.ยุกต์มาไม่ต่ำกว่า 23 ปี มีผลงานเป็นที่ปรากฏมากมาย โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เอสจีวี ณ ถลางมีลูกค้าระดับใหญ่ที่ใช้บริการมากถึง 38 ราย

ขุนพลคนที่สองคือ นิกร์กานต์ สุจริตเวสส์ ได้เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท SGV-N TAX & CORPORATION SERVICE ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับภาษีอากรและกฎหมายธุรกิจ จดทะเบียนตั้งบริษัทหรือขอบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยหรือคนไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ

คนที่สามก็คือเกียรติศักดิ์ โอสถศิลป์ ลูกหม้อเก่าที่ทำงานให้ ศจ.ยุกต์ไม่ต่ำกว่า 20 ปีก็ได้ถูกวางตัวเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท SGV-N ARTHUR ANDERSEN CONSULTING ที่เน้นเป็นที่ปรึกษาวางแผนจัดระบบการบริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (INFORMATION SYSTEM)

และผู้บริหารคนที่สี่ก็คือ JESS BALLESTEROS ผู้บริหารชาวฟิลิปปินส์ที่ดูแลกิจการบริษัทด้านจัดหาบุคลากรระดับสูงให้แก่องค์กรธุรกิจทั่งในและนอกประเทศภายใต้ชื่อว่าบริษัทSGV EXECUTIVE RECRUITMENT SERVICES

ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ (CHAIRMAN OF EXECUTIVE BOARD) ที่เพิ่งจะเริ่มเกิดขึ้นปีนี้เพื่อรองรับการบริหารงานในช่วงเวลาต่อไปของเอสจีวีกรุ๊ปก็คือ มาริษ สมารัมภ์ ลูกหม้อเก่าแก่ที่ทำงานกับศจ.ยุกต์ 23 ปีตั้งแต่รุ่นบุกเบิกตั้งบริษัทสำนักงาน เอสจีวี ณ ถลางยุคต้น ๆ ทีเดียว มาริษ หรือเรียกสั้น ๆว่า "มาร์" นอกจากเป็นประธานคณะกรรมการบริหารทำหน้าที่ประสานงานในกรรมการบริหารที่มีอยู่ 5 คนแล้ว มาริษยังต้องควบตำแหน่งรองประธานเอสจีวีกรุ๊ป 4 บริษัทนี้ด้วย โดยมีศจ.ยุกต์เป็นประธานกรรมการ

โครงสร้างคณะกรรมการบริษัทจะมีอยู่สองบอร์ด คือ บอร์ดใหญ่ประกอบด้วยกรรมการ 15 คนซึ่งมีศจ.ยุกต์ ณ ถลางเป็นประธานบอร์ดใหญ่นี้แหละในปลายปี 2533 เพิ่งจะมีการประกาศ EXECUTIVE BOARD ซึ่งมีมาริษ สมารัมภ์เป็นประธานกรรมการชุดนี้เอง

"การบริหารสี่บริษัทนี้จะมี EXECUTIVE BOARD โดยมีคุณมาร์เป็นประธานและมีกรรมการบริหาร 5 คนคือคุณธวัช นิกส์ เกียรติศักดิ์ JESS และผมด้วย นโยบายทั้งหลายจะต้องเข้าบอร์ดนี้โดยโยงการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารทั้งสี่บริษัทเข้าด้วยกัน" ศจ.ยุกต์เล่าถึงการปรับโครงสร้างที่มีลักษณะ POOL สี่บริษัทขึ้นมาเพื่อรองรับสถานการณ์การแข่งขันที่ให้บริการแก่ลูกค้าได้ดีขึ้น

"นโยบายการบริหารงานคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ก็เหมือนชุดเดิม เราเชื่อว่าการทำงานของเราต้องได้มาตรฐานวิชาชีพนั้น ๆ ทั้งมาตรฐานต่างประเทศและในไทยและทำงานได้โดยอิสระเที่ยวธรรม ไม่เข้าใครออกใคร" ศจ.ยุกต์เล่าถึงปรัชญาการบริหารงานของกลุ่มเอสจีวี

ช่วงเวลาต่อไปของเอสจีวีกรุ๊ปคือการขยายสำนักงานสาขาภายในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ และการลงทุนที่เกิดขึ้นมากตามภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย โดยเฉพาะโครงการแถบชายฝังทะเลภาคตะวันออก (EASTERN SEABOARD PROJECT) เช่นแหลมฉบัง มาบตาพุด เป็นต้น

"ต่อไป เรากำลังจะพิจารณาว่าจะไปเปิดสาขาที่ระบองตามโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดซึ่งมีโครงการใหญ่เช่นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ขณะนี้เราก็ทำให้กับบริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติ การไปเปิดสาขาที่นั่นก็เพื่อจะได้ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น "ศจ.ยุกต์เปิดเผยการขยายตัวในอนาคตของเอสจีวีกรุ๊ปซึ่งปัจจุบันมีสองสาขาคือเอสจีวีที่เชียงใหม่และเอสจีวีที่หาดใหญ่

"การที่เราเป็น MEMBER FIRM ของอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่น ทำให้เราได้ประโยชน์ถ้าหากว่าในเมืองไทยเราจะใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่อาเธอร์ แอนเดอร์เซ่น เคยทำให้แล้วที่นิวซีแลนด์ เราก็จะเสนอตัวไปว่าเอสจีวี ณ ถลางกับอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นคอนซัลติ้งจะรับทำงานนี้ให้ ซึ่งดีกว่าที่เขาจะไปปรับปรุงระบบเองโดยต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลานาน" ศจ.ยุกต์ ณ ถลาง ได้เปรียบให้ฟังถึงการวางระบบ TURNKEY ของระบบบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่มที่ทางนี้มีผู้เชี่ยวชาญ

บัดนี้ศจ.ยุกต์ ณ ถลาง คนนี้ต้องอยู่ในฐานะผู้ใหญ่ที่เป็นที่ปรึกษาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอสจีวีกรุ๊ป หลังจากได้ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานรากเกี่ยวกับคนและวิชาชีพทางธุรกิจตรวจสอบบัญชีในประเทศไทยมาตลอด และก้าวใหม่ของเอสจีวีในอนาคตที่มีอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่นก็จะมีวิวัฒนาการที่กว้างไกลสู่มาตรฐานระดับโลก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us