|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ทีดับบลิวแซด" ครึ่งปี 48 รายได้ 1,581.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.51% จากงวดเดียวกันมั่นใจสิ้นปีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท เตรียมบุ๊กบิลดิ้งสัปดาห์หน้า เปิดจอง 7-9 พ.ย. เข้าเทรด 18 พ.ย. นี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจได้รับความสนใจจากนักลงทุน ส่วนที่ปรึกษาทางการ เงิน บล.ไซรัส ชี้ช่วงเทรดเหมาะสม
นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ซึ่งประกอบธุรกิจผู้แทนการจำหน่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์สื่อสาร เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดครึ่งปี 2548 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,581.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.51% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,003.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 51.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.64% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.54 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 2549 เพิ่มขึ้นมากว่า 20% จากปี 2548 ที่คาดว่ามีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2547 ที่มีรายได้รวม 1,908.50 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 58.06 ล้านบาท ซึ่งรายได้ก็จะมาจากการขายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม โดยมีสัดส่วนรายได้จากขายโทรศัพท์โนเกีย 70% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 50% จากการจับมือกับ บริษัท MLINK อีริคสัน 25% และ โซนี่ 5% ถึงแม้ราคามือถือจะมีการปรับตัวลดลง แต่จะทำให้ปริมาณการขายมากขึ้น ซึ่งจะไม่กระทบกับรายได้ของบริษัท โดยในอีก 1-2 เดือนจากนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ ซีเมนต์อีก 2 รุ่น จากที่ได้มีการเปิดตัวไปแล้ว 2 รุ่น
บริษัทเสนอขายหุ้นจำวน 60 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปจำนวน 59 ล้านหุ้น อีก 1 ล้านหุ้น เสนอขายแก่กรรมการ และพนักงานของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยภายหลังเสนอขายหุ้นบริษัทจะมีทุน จดทะเบียนชำระแล้ว 240 ล้านบาท โดยบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากผล ประกอบการที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปเปิดสาขาร้าน TWZ Shop 23 สาขา เปิดร้าน Telewiz Express 8 สาขาและร้าน Telewiz Shop จำนวน 2 สาขา ซึ่งทำให้สิ้นปีนี้มีสาขาทั้งสิ้น 39 สาขา และจะมีการปรับปรุงสาขาอีก 7-8 สาขา โดยคาดว่าใช้เงินทุน 30 ล้านบาท พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชำระคืนเงินกู้บางส่วน ที่เหลือใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียน
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS ในฐานะที่ปรึกษาทาง การเงิน TWZ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า TWZ จะนำเสนอข้อมูลบริษัทให้นักลงทุนสถาบันเพื่อสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้น (บุ๊กบิลดิ้ง) ซึ่งปลาย สัปดาห์หน้าจะมีการกำหนดราคาหุ้น โดยจะมีการ เปิดจองซื้อหุ้นในวันที่ 7-9 พ.ย. และเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 18 พ.ย.นี้
ทั้งนี้เชื่อว่าการเข้าซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว เหมาะสม ถึงแม้ภาวะตลาดจะไม่ดีมาก ซึ่งตอนนี้ ดัชนีอยู่ที่ ประมาณ 700 จุด เพิ่มขึ้นจากก่อน หน้าที่ 600 จุดก็ถือว่าดีขึ้น และก็ไม่มีปัจจัยลบ เข้ามา รวมถึงภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น จึงไม่กังวลในเรื่องภาวะตลาด
สำหรับในปีนี้ SYRUS เป็นที่ปรึกษาทาง การเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดเอ็มเอไอ จำนวน 3 บริษัท คือ บริษัท สตาร์ทาริซาร์รีแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STAR บริษัท ซีไอ กรุ๊ป หรือ CIG และ TWZ โดยปีหน้าเบื้องต้นรับเป็นที่ปรึกษาแล้วจำนวน 2-3 บริษัท คาดว่ายื่นไฟลิ่งในปีหน้า
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์กล่าวว่า จากการเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก-ทรัพย์ฯ ของบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน หรือ TWZ คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากเนื่องจากจุดเด่นหนึ่งของบริษัทดังกล่าวเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัท ชิน คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว โดยบริษัทได้รับสิทธิบริหารร้านเทเลวิซ จากบริษัท แอดวานซ์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2537 รวมถึงการได้รับการแต่งตั้งใก้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จากผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของโลก เช่น โซนี่ อิริคสัน โมบาย คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) ซีเมนส์ และเบนคิว (ประเทศไทย)
นอกจากนี้ ความสามารถของผู้บริหารของบริษัทที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจของบริษัทมาเป็นเวลานานน่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้
ทั้งนี้ ลักษณะธุรกิจที่ใกล้เคียงกันของบริษัทกับบริษัท บลิส- เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS และบมจ.เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น MLINK จะช่วยเพิ่มการแข่งขันในเชิงธุรกิจมากขึ้น โดยเชื่อว่าแนวโน้มของธุรกิจขายมือถือในปัจจุบันยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก เนื่องจากความต้องการของสินค้ายังมีสูงและกลุ่มลูกค้าหลักยังคงต้องการความทันสมัยและแอปพลิ-เคชันครบวงจร
"เราเชื่อว่าความน่าสนใจของนักลงทุน หากจะประเมินจากความเกี่ยวข้องกับหุ้นในกลุ่มชิน น่าจะทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังมีเพราะประชาชนยังคงมีความต้องการใช้โทรศัพท์มือถือในระดับที่สูง" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับเรื่องการกำหนดราคาเชื่อว่าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจะกำหนดโดยพิจารณาจากค่าพีอีเรโซของหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท โดยเชื่อว่าราคาที่จะกำหนดค่าพีอีจะต่ำกว่าราคาของหุ้นกลุ่มอย่างแน่นอน
|
|
|
|
|