แบงก์ชาติได้ข้อสรุปเอเอ็มซีที่จะทำหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาหนี้เน่าในระบบธนาคารพาณิชย์แล้ว แต่รอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ประกาศ เชื่อหลังดำเนินตามนโยบายได้แล้วจะช่วย ให้หนี้เน่าลดเหลือ 2% ในปี 2549

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท. ได้กำหนดหลักเกณฑ์การซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ของธนาคารพาณิชย์ออกมาเป็นแนวทางในการซื้อขายหนี้สิน และหลักทรัพย์ค้ำประกันเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังมีการคัดเลือกบริษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (เอเอ็มซี) ที่ทางกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ที่จะเข้ามาดำเนิน นโยบายได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เนื่องจากกำลังส่งเรื่องให้ทางกระทรวงการคลังพิจารณา โดยกระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล

"ธปท.ได้ข้อสรุปในการคัดเลือกเอเอ็มซีที่จะเข้ามาดำเนินนโยบายได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพราะกำลัง ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังดูอยู่ ดังนั้น จึงรอให้คลังเป็นผู้ประกาศนโยบาย และเอเอ็มซีที่จะเข้าไปช่วยซื้อหนี้เองจะดีกว่า" นางธาริษา กล่าว

ทั้งนี้ เอเอ็มซี ที่ ธปท.เลือกนำมาใช้จะเป็นแห่งใดแห่งหนึ่งระหว่างบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชยการ (BAM) หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) ซึ่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูถือหุ้นใหญ่

"เอ็นพีแอลและเอ็นพีเอที่ต้องการแก้ไขปัญหา เป็นหนี้เอ็นพีแอลรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งลดลงช้ามากในช่วงหลัง แต่เป็นคนกรณีกับการแก้หนี้ภาคประชาชน"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มาตรการดังกล่าวออก ใช้ได้แล้ว เชื่อว่าปริมาณเอ็นพีแอลจะลดได้รวดเร็วขึ้น โดยเหลือ 2% ภายในปี 2549 และจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีเอ็นพีแอลลดลงในระดับที่เป็นคลีนแบงก์ตามหลักสากลได้ในที่สุด

ทั้งนี้ จากกรณี ธปท.ต้องการให้เอเอ็มซีเข้าไปบริหารหนี้ของธนาคารพาณิชย์นั้น สืบเนื่องมาจาก การที่กระทรวงการคลัง และ ธปท.มีนโยบายแก้กฎหมายให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เพื่อให้ บบส.สามารถซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้(เอ็นพีแอล) และสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) ของธนาคารพาณิชย์ไปบริหารต่อได้ จากเดิมที่ดูแลสินทรัพย์ของ 56 ไฟแนนซ์นั้น แต่ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น ธปท. จึงจะให้ เอเอ็มซีดำเนินการแทนไปก่อนเพื่อให้แก้ปัญหาหนี้เอ็นพีแอลดำเนินการได้เร็วยิ่งขึ้น