Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 ตุลาคม 2548
แบงก์เล็งขนดบ.อีกระลอก หลังธ.กรุงเทพนำร่องขึ้นฝาก-กู้0.25-0.50%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงเทพ

   
search resources

ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
Interest Rate




ลูกค้าเงินกู้แบงก์เตรียมแบกรับภาระดอกเบี้ยเพิ่ม หลังธนาคารกรุงเทพนำทัพปรับขึ้น ดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้อีก 0.25-0.50% ส่งผล ให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเตรียมปรับตามภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากยังทรงตัวจนถึงสิ้นปีนี้ ด้านโบรกเกอร์ ชี้การขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้แบงก์กำไร เพิ่มขึ้นเพราะปรับทั้งฝากและกู้ พร้อมแนะลงทุนหุ้น แบงก์ใหญ่ "BBL-KBANK-TMB"

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25-0.50% โดยมีผลตั้งแต่วานนี้ (11 ต.ค.) โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแบบกำหนดวงเงินฝากเป็น 2 ประเภท คือ เงินฝากที่ต่ำกว่า 5,000,000 บาท กับเงินฝากตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไป ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน จากเดิมที่ระดับ 1.50% ขึ้นเป็น 1.75-2.00% อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน จาก 1.75% เป็น 2-2.25% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ได้ปรับจาก 2% เป็น 2.25-2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ประจำ 24 เดือนจาก 2.50% เป็น 2.75%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ปรับขึ้น 0.25% ทำให้อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) จาก 6.00% เป็น 6.25% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) จาก 6.50% เป็น 6.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้วงเงินเบิกเกินบัญชี (เอ็มโออาร์) จาก 6.25% เป็น 6.50%

จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ครั้งนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารกรุงเทพปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงไทย ธนาคาร กสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ (ดูตารางประกอบข่าว)

นายบรรลือศักดิ์ ปุสะรังศี รองผู้อำนวยการฝ่าย วิจัย ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีนโยบายที่ชัดเจนในการดันอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับเป็นบวก เพื่อกระตุ้นให้เกิดเงินออมภายในประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเงินออมในประเทศมีสัดส่วนน้อยมาก คืออยู่ที่ 30% ของ จีดีพี โดยเชื่อว่ารัฐบาลต้องการที่จะเพิ่มสัดส่วนเงินออมเป็น 32-33% ของจีดีพีในระยะใกล้นี้

ขณะเดียวกัน ธปท.ใช้นโยบายการเงินที่จะดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับเป้าหมาย จึงมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่มีอัตราเร่ง ขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.ดังกล่าว จึงมีแรงกดดันส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของ ธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องระดมเงินฝาก

ในขณะที่ต้องบริหารต้นทุนจึงปรับดอกเบี้ยขึ้นทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากด้วย อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคาร พาณิชย์นั้นจะค่อยๆ ปรับขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้าเงินฝากและเงินกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำได้ทยอยปรับขึ้นตามดอกเบี้ย พันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในระดับที่สูง ขณะที่อัตรา ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิมภายในปีนี้ เพราะเป็นฐานเงินฝากที่ใหญ่ที่สุดในระดับประมาณ 60-70% ของเงินฝากทั้งหมด ดังนั้น หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ จะมีผลต่อต้นทุนของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นชัดเจน

ด้านสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ ขณะนี้เริ่มทยอยปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากการออก พันธบัตรของรัฐบาล และยังมีโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่จะต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 ล้าน บาท ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินในระบบปัจจุบันเหลือ 300,00-400,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในปีหน้าจะเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทยอยปรับเพิ่มขึ้นต่อไป

ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดนั้น คาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอีกจนมาอยู่ที่ระดับ 4.50-5.00% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.25% และธปท.เองคงจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรืออาร์/พี 14 วันตามดอกเบี้ยเฟด โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยเฟดเล็กน้อย เพื่อดูแลไม่ให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลมากนัก

ไทยพาณิชย์-กรุงศรีฯเล็งปรับสัปดาห์นี้

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ ใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ธนาคารอาจจะพิจารณาปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้ในอัตราที่ใกล้เคียงกับธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้ไปเมื่อวานนี้

สำหรับเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารยังไม่มีนโยบายที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในขณะนี้ เนื่องจาก ยังไม่มีความจำเป็น ซึ่งจะปรับเมื่อไหร่นั้นต้องรอดูระดับเงินฝากให้มีความเหมาะสม

ด้านนางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณา อัตราดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ว่าจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ หลังจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ไปแล้ว โดยธนาคารฯ จะพิจารณาจากสภาพคล่องของธนาคารฯเป็นหลัก ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ปัจจัยภาวะตลาดการเงินโดยรวม เพราะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น และต้องมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน แต่น่าจะเป็นในลักษณะการทยอยปรับขึ้น 0.25% ต่อครั้ง ซึ่งต้องรอดูความเคลื่อนไหวในตลาดเงินอีกระยะหนึ่ง นักวิเคราะห์ชี้แบงก์อื่นแห่ตามแน่

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกรุงเทพว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้ธนาคารมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่อย่างใด เพราะเป็นการปรับขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และปรับขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ รวมทั้งคาดว่าธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นจะทยอยประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน เพื่อให้สอดคล้อง กับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น

ขณะที่ราคาหุ้นของธนาคารกรุงเทพ และธนาคาร อื่นๆ ในช่วงเช้าได้ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่มีปริมาณ การซื้อขายไม่คึกคักมากนัก โดย BBL ปรับตัวขึ้นไป ทำราคาสูงสุดและปิดที่ 101 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 1 บาท หรือคิดเป็น 1% ปริมาณการซื้อขายรวม 2,151,100 หุ้น มูลค่าการซื้อขายตลอดวัน 215.99 ล้านบาท

โดยนักวิเคราะห์ได้แนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารกรุงเทพเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะหุ้น BBL มีราคาเป้าหมายที่ 137 บาท ธนาคารกสิกรไทย ราคา เป้าหมายที่ 77 บาท ธนาคารทหารไทย ราคาเป้าหมาย ที่ 5.30 บาท และธนาคารนครหลวงไทย ราคา เป้าหมายที่ 34 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us