Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 กันยายน 2548
ไอเอ็นจีส่งLTFลุยหุ้นบิ๊กแคป เปิดขายหน่วยกลางเดือนพ.ย.นี้             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

   
search resources

ไอเอ็นจี (ประเทศไทย), บลจ.
Funds
จุมพล สายมาลา




บลจ.ไอเอ็นจี คลอดกองทุนเปิด "ไอเอ็นจี ไทย บิ๊กแคป หุ้นระยะยาว" มูลค่า 2,000 ล้านบาท เน้นลงทุนหุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่ ที่มีมาร์เกตแคปมากกว่ามาร์เกตแคปรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งแต่ 1% ขึ้นไป คาดเบื้องต้นจะเลือกลงทุนประมาณ 30-40 ตัว และกระจายการลงทุนออกไปทุกเซกเตอร์ พร้อมเปิดขายหน่วยลงทุนได้กลางเดือนพฤศจิกายนนี้

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย บิ๊กแคป หุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองใหม่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีมูลค่ากองทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กองทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้งกองทุน ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย บิ๊กแคป หุ้นระยะยาว จะเน้นลงทุนในหุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่ที่มีมาร์เกตแคปมากกว่ามาร์เกตแคปรวมของตลาด หลักทรัพย์ตั้งแต่ 1% ขึ้นไป โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเลือกลงทุนในหุ้นประมาณ 30-40 ตัวที่มีผลประกอบการดี มีศักยภาพและที่สำคัญเป็นหุ้นขนาด ใหญ่ ซึ่งในส่วนของการเลือกลงทุนนั้น จะกระจายการ ลงทุนออกไปในเซกเตอร์ต่างๆ ส่วนจะเน้นลงทุนเซกเตอร์ไหนคงจะพิจารณาดูสภาพตลาดในช่วงของ การลงทุนอีกครั้งว่ากลุ่มใดบ้างที่น่าสนใจ

นายจุมพลกล่าวว่า สาเหตุที่เลือกลงทุนในหุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่ เนื่องจากเห็นว่าหากย้อนหลังกลับไปดูหุ้นในกลุ่มบิ๊กแคปเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าหากหุ้นมีสภาพคล่องน้อย อาจจะทำให้การขายคืนหน่วยลงทุนมีปัญหา เนื่องจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาวสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปลงทุนกองทุนอื่นๆได้ด้วย ซึ่งการจัดสรรสภาพคล่องเอาไว้อย่างเต็มที่น่าจะเหมาะสมกับการลงทุนในหุ้น อีกทั้งไม่มีความเสี่ยงด้วย

ทั้งนี้ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย บิ๊กแคป หุ้นระยะยาว ถือเป็นกองทุน LTF กองที่ 2 ของไอเอ็นจี โดยเป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสำหรับการ ดำเนินงานด้วย ซึ่งไอเอ็นจีมีกองทุน LTF ภายใต้การบริหารอยู่แล้ว 1 กอง คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 215 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งจะเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นต่อเนื่องจากกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ กองที่ 1, 2 และ 3 ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยกองทุนใหม่ดังกล่าวจะเป็นกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย คุ้มครองเงินต้น เพื่อการเลี้ยงชีพกองที่ 4 ซึ่งยังเหลือกองที่ 5 ซึ่งจะเปิดขายในช่วงเดียวกันของปีหน้าด้วย

นายจุมพลกล่าวต่อถึงแนวโน้มการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวว่า ในปัจจุบันสัดส่วนผู้ลงทุน ที่เข้ามาซื้อหน่วยลงทุน LTF ยังไม่มากนักถ้าเทียบกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯโดยรวม ทั้งนี้ เนื่อง จากกองทุนเพิ่งเริ่มต้นมาแค่ 1 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในระยะอีก 3-5 ปีหลังจากนี้ไปกองทุน LTF จะขยายตัวได้แบบก้าวกระโดด เนื่องจากผู้ลงทุนเริ่มรับรู้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น เชื่อว่าหลังจากนี้ไปดัชนีน่าจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากปัจจัยในประเทศเช่นปัญหาการขาดดุลที่เริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่ง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนในประเทศ อีกทั้งเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุด ไปแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us