ช่องทางการจัดจำหน่าย – ดั้มพ์ราคาขาย กลยุทธ์หลัก แมงป่อง-ซีวีดี 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการแลกหมัดกวาดเม็ดเงินในตลาดแม้จะขายหนังคนละประเภทแต่ก็สะท้านไปทั่ว วงการแผ่นก๊อบปี้โอดสะเทือน30%
การเปิดโครงการ Walk in warehouse ในย่านลาดพร้าวของแมงป่องที่มีแผนจะเริ่มดำเนินการราวเดือน ธันวาคมนี้ ได้วางตำแหน่งตัวเองให้เป็นศูนย์ค้าส่ง Home Entertainment Software ขนาดใหญ่ที่สุดโดยมีพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งของในการขยายฐานลูกค้าด้วยระบบขายส่งให้ผู้ที่มาซื้อหนังแผ่นสามารถนำไปเปิดร้านค้าแผงลอยขายต่ออีกทอดหนึ่งได้ในทำเลที่ร้านค้าและศูนย์เช่ายังเข้าไปไม่ถึง โดยจะเน้นไปยังแผ่นหนังขนาดประหยัด
สำหรับแผ่นขนาดประหยัดนี้ถือเป็นการแก้เกมด้านราคาของผู้ผลิตแผ่นหนังเพื่อสู้กับแผ่นก๊อบปี้ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากออกการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รวมทั้งติดตั้งโปรแกรมป้องกันการทำซ้ำซึ่งไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่เพราะโปรแกรมนี้มักจะมีปัญหากับผู้ที่นำไปใช้กับเครื่องรุ่นเก่าที่สุดหรือเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด อรรถพล ตริตานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานสร้างแบรนด์และการตลาดของแมงป่องกล่าวถึงความเป็นมา
ปกติวีซีดีหนังใหม่จะจำหน่ายในรูปแบบกล่องราคาเรื่องละ 99-150 บาท แต่แผ่นประหยัดที่แมงป่องนำส่วนหนึ่งมาใส่ซองพลาสติกใสจะขายเพียงแผ่นละ 49 บาทเท่านั้น ปรากฏว่ามีทั้งยอดขายและรายได้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าราคาปกติ เนื่องจากประชนจะหันมาซื้อสินค้าที่มีลิขสิทธิ์มากขึ้น เพราะมีราคาไม่ต่างจากของก๊อบปี้มากนัก ขณะที่กำไรต่อแผ่นที่ได้นั้นไล่เลี่ยกับการขายราคาปกติซึ่งต้องเสียค่าบรรจุภัณฑ์ที่สูงด้วยเช่นกัน
ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้นำหนังไทยที่ฉายโรงอย่าง หลวงพี่เท่ง, จอมขมังเวทย์ และซุ้มมือปืน มาทำแผ่นชนิดประหยัดขาย ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยหลวงพี่เท่งสามารถขายได้แล้วกว่า 1 ล้านแผ่น ขณะที่จอมขมังเวย์ขายได้แล้วกว่า 5 แสนแผ่น ปัจจุบันแมงป่องมีหนังประเภทนี้ออกจำหน่ายแล้วกว่า 10 เรื่องด้วยกัน ซึ่งในไตรมาสที่ 4 นี้จะมีหนังไทยตามมาอีก 3-4 เรื่อง อาทิ แหยมยโสธร, นรก และต้มยำกุ้ง คาดว่าเฉพาะต้มยำกุ้งนั้นจะขายได้ถึง 2 ล้านแผ่นจากเรื่ององก์บากที่เคยทำยอดขายได้สูงสุดถึง 1.5 ล้านแผ่นคาดว่าจะทำให้บริษัทมียอดขายทั้งปีรวม 2,000 ล้านบาทตามประมาณการได้หรือเท่ากับเพิ่มขึ้น 30%
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรักษากลุ่มลูกค้าระดับบนก็ยังจะมีแผ่นวีซีดีระดับโกลด์จำหน่ายที่ร้านแมงป่องควบคู่ไปด้วยในลักษณะลดราคาเพื่อเป็นการผลักดันช่องทางเพิ่มวอลุ่มให้คุ้มกับราคาที่ลดลงมา โดยแผ่นวีซีดีชนิดโกลด์ดังกล่าวที่พัฒนาขึ้นมานี้จะมีคุณสมบัติพิเศษสามารถให้เสียงเทียบเท่ากับแผ่นดีวีดีเป็นระบบเซอร์ราวน์ได้
การปรับลดราคาดังกล่าวส่งผลของ แมงป่อง ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ซีวีดี เอนเตอร์เทนเมนต์ แม้จะมีจุดขายที่ต่างกันโดยแมงป่องจะเน้นที่หนังไทยจากค่ายสหมงคลฟิล์มและมงคลเมเจอร์ซึ่งถือเป็นค่ายในประเทศที่ผลิตหนังมากที่สุด ส่วนซีวีดีนั้นจะเน้นที่ภาพยนตร์ฮอลีวู้ดจากค่าย ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์, โซนี่ พิคเจอร์ส, บัวนาวิสต้า และดิสนี่ย์ รวมถึงหนังจีนฮ่องกงจากค่าย ทีวีบี และหนังไทยจากค่าย จีเอ็มเอ็มไทยหับ แต่การลดราคาและหนังที่อยู่ในกระแสความนิยมของค่ายแมงป่อง ทำให้ผู้ที่อยู่ในตลาดขายส่งซื้อสินค้าจากซีวีดีที่มีราคาสูงกว่าลดลง ทั้งๆที่ซีวีดีก็ได้มีการลดราคา วีซีดี และ ดีวีดี ลงมาแล้วจาก 250 เหลือ 190 บาทและ 700 เหลือ 250 บาทตามลำดับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
เผด็จ หงษ์ฟ้า กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซีวีดี เอนเตอร์เทนเมนต์ ให้ความเห็นว่าการลดราคาของแมงป่องได้ดูดเอาเม็ดเงินเกือบทั้งหมดของตลาดขายส่งไป ทำให้หนังของซีวีดีขายลำบากขึ้น อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาหน้าหนังของ ซีวีดี ไม่มีเรื่องใหญ่ๆเข้า ยอดขายจึงไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา จึงได้ปรับกลยุทธด้วยการขออนุมัติเจ้าของลิขสิทธิ์บางเรื่องลดราคาขายวีซีดีให้เหลือราคา 70-80 บาท และ ดีวีดีให้มีราคาต่ำกว่า 200 บาทโดยดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เดือนสค.ที่ผ่านมา คาดว่าการลดราคาครั้งนี้จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นได้ 50% ผนวกกับในไตรมาส 4 นี้ซึ่งเป็นไฮซีซั่นจะมีหนังฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศออกจำหน่ายประมาณ 10 เรื่องอาทิ Star War III, Fantastic4, Stealth รวมถึง หนังจีนจากทางช่อง 3 อีก 5 เรื่อง และหนังไทยอีก 2 เรื่อง คาดว่าจะทำให้บริษัทมียอดขายทั้งปีสูงถึง 1,100 ล้านบาทเท่ากับในปีที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยความสำเร็จของการแข่งขันในวงการนี้อันดับแรก อรรถพล บอกว่าขึ้นอยู่กับหน้าหนังที่ออกมาว่ามีความสนุกเพียงใด ส่วนปัจจัยรองลงมานั้นคือช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจุบันแมงป่องมีร้านค้าศูนย์เช่าของตัวเองรวม 281 แห่ง แยกเป็น กรุงเทพ 199 แห่งและต่างจังหวัด 82 แห่ง ขณะที่ซีวีดีก็มีก็มีร้านโชว์ไทม์เป็นช่องทางในเครือที่จัดจำหน่าย 51 สาขาแบ่งเป็นในกรุงเทพ 20 แห่ง นอกจากนี้ทั้งคู่ต่างก็พยายามผลักดันยอดขายของตนให้เพิ่มขึ้นด้วยช่องทางบนเว็บไซต์อีกด้วย เนื่องจากจะสามารถประหยัดต้นทุนการจัดการได้ราว 4 % ส่วนปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น มีรายงานจากยี่ปั๊วในวงการว่าหลังจากที่แต่ละค่ายออกมาขายแผ่นแบบประหยัดส่งผลให้แผ่นแผ่นก๊อบมียอดขายลดลงถึง 30%
การที่ค่ายยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ในวงการหนังแผ่นนี้นำกลยุทธ์ราคามาใช้เพื่อขยายปริมาณในตลาดขายส่งให้มากขึ้นนอกจากจะส่งผลให้ตัวเองมียอดขายมากขึ้นตามมาแล้ว ยังเป็นถือการวางสนุ้กสกัดดาวรุ่งคู่แข่งทางตรงที่เป็นแผ่นก๊อบละเมิดลิขสิทธิ์และคู่แข่งทางอ้อมซึ่งเป็นหนังคนละประเภทกันที่จะเข้ามาชิงเม็ดเงินในตลาดนี้ได้อย่างชะงักอีกด้วย
|