Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์6 ตุลาคม 2548
ตลาดทุนไทยน้อยหน้าเพื่อนบ้าน ขุนคลังมอบการบ้านเร่งพัฒนาด่วน             
 


   
search resources

ทนง พิทยะ
Investment




เส้นทางสู่เวทีโลก คือ โอกาสและความท้าทายของกลุ่มอาเซียนในการเปิดให้โลกได้รู้ว่าอาเซียนก็มีดี มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป็นโอกาสสำหรับการลงทุน แม้ในกลุ่มประเทศสมาชิกจะมีความต่างในเรื่องขีดความสามารถและความพร้อมก็ตาม แต่บางประเทศก็ไม่มีอุปสรรคสำหรับเรื่องดังกล่าว ส่วนไทยแม้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความพร้อมและน่าลงทุน แต่ยังมีบางเรื่องบางจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขโดยเฉพาะในส่วนของตลาดทุน

แม้การประชุม ASEAN Finance Ministers' Investor Seminar ครั้งที่ 2 นี้ จะประสบความสำเร็จและเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคแห่งนี้ แต่ในความสำเร็จนี้ก็เป็นกระจกที่ส่องให้เห็นถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของประเทศสมาชิกได้ อันจะนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เป็นจุดอ่อน และเสริมเพิ่มในส่วนที่เป็นจุดแข็ง

อย่างประเทศไทยการประชุมครั้งนี้ทำให้เห็นถึงข้อที่ต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องของการตลาดทุนที่ต้องได้รับการพัฒนาอย่างเร่งด่วน

ย้อนไปที่วัตถุประสงค์ของการจัดงาน ASEAN Finance Ministers' Investor Seminar ในครั้งนี้ก็เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของกลุ่มอาเซียนให้นักลงทุนทวีปอื่นได้รู้ เห็นถึงโอกาส และศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในฐานะที่เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกในสินค้าหลายประเภท อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหารแปรรูป เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนทั้งในแบบโดยตรงและผ่านตลาดหลักทรัพย์

กล่าวได้ว่าเม็ดเงินที่ต่างประเทศขนมาลงทุนนั้น ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ภาคธุรกิจเติบโต และมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น นอกจากผลพลอยได้จากการลงทุนโดยตรงแล้ว การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็คึกคักตาม ด้วยการเป็นช่องต่อให้ทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในแถบนี้

และเพื่อจะแสงดให้นักลงทุนต่างประเทศได้เห็นถึงความเคลื่อนไหว และภาพที่ชัดเจนในตลาดหุ้นอาเซียน ในงานประชุมครั้งนี้จึงได้เปิดตัวดัชนีFTSE/ASEAN และ ดัชนีFTSE/ASEAN 40 อันเป็นความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ 5 ประเทศได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ซึ่งได้เริ่มใช้ในวันที่ 21 กันยายน2548

ดัชนีFTSE/ASEAN และ FTSE/ASEAN 40 นอกจากใช้วัดการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นอาเซียนโดยรวม และเพื่ออ้างอิงตราสารทางการเงินแล้ว การเปิดตัวดัชนีนี้ยังเป็นการสร้างแบรนด์ให้อาเซียนในแง่การเป็นอีกทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจ

ทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ดัชนีFTSE/ASEAN คำนวณโดยใช้ข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 180 บริษัทจากตลาดหุ้น 5 ประเทศ ประเทศที่มีบริษัทใช้ในการคำนวณมากที่สุดคือสิงคโปร์คิดแล้วสูงถึง 40% ตามมาด้วยมาเลเซีย 25% ส่วนไทยนั้นแค่10%ที่เหลือเป็นของอินโดนีเซียและฟิลิปินส์

จากสัดส่วนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ทำไมนักลงทุนถึงได้ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดทุนมากกว่าไทย เช่นเดียวกันในตลาดหลักทรัพย์ FTSE/ASEAN 40 ที่คำนวณโดยใช้บริษัทจดทะเบียนที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 40 แห่ง ซึ่งสิงคโปร์ก็มีสัดส่วนสูงสุด ในขณะที่ไทยมีเพียง 6 บริษัทเท่านั้น

จำนวนบริษัทที่ใช้ในการคำนวณดัชนี FTSE/ASEAN และ FTSE/ASEAN 40 ที่สิงคโปร์มีสัดส่วนสูงสุด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมอันเป็นจุดแข็งที่จะดึงดูนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในตลาดทุนสิงคโปร์

ทนง บอกว่าในเรื่องนี้จึงกลับมาเป็นการบ้านให้ไทยได้คิดต่อว่าแนวทางการพัฒนาตลาดทุนในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่แผนการพัฒนาตลาดทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งขณะนี้ก็มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษา โดยตั้งเป้าหมายดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอมเอฟ เพื่อส่งผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาการพัฒนาตลาดทุน ซึ่งทางไอเอ็นเอฟก็ให้การตอบรับในเรื่องนี้

แม้ตลาดทุนไทยจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกยุคทุกสมัยก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียแล้ว ตลาดทุนไทยคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการแต่งตัว เพื่อให้ภาพออกมาดูดีเป็นที่ดึงดูดสายตาจากนักลงทุนทั่วโลก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us