|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ทรงศักดิ์" เผยไม่ต่อสัญญาชำระค่าหุ้น กับไตรภพ และกันตนาแล้ว กันตนาอ้อมแอ้ม ซื้อ-ไม่ซื้อหุ้น ไอทีวีก็ยังเป็นผู้ผลิตหลัก ย้ำที่ผ่านมาแสดงความต้องการเข้าซื้อหุ้นไอทีวี เพราะต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่ธุรกิจ แต่วันนี้เชื่อความสัมพันธ์ที่มีเป็นยาหอมชั้นดีโดยไม่ต้องซื้อหุ้น ขณะเดียวกันก็เลื่อนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบไม่มีกำหนดอ้างไม่จำเป็นต้องระดมทุนก้อนใหญ่
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี เปิดเผยว่า สัญญาการชำระเงินค่าหุ้นให้ไอทีวี ของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ และบริษัท กันตนากรุ๊ป เพื่อที่จะเข้ามาถือหุ้นในไอทีวีที่จะสิ้นสุดลงใน สิ้นเดือนตุลาคมศกนี้ โดยไอทีวีจะไม่เลื่อนระยะเวลาออกไปอีก หลังจากที่ครั้งก่อนได้เลื่อนกำหนดไปแล้ว 1 ปี ทั้งนี้เพราะการที่ทั้งกันตนาและนายไตรภพจะเข้ามาถือหุ้นในไอทีวีหรือไม่ ทั้ง 2 รายก็ยังเป็นผู้ผลิตรายการหลักให้กับสถานีโทรทัศน์ไอทีวี นอกจากนั้น จากนี้ไปเรายังเปิดกว้างให้แก่ผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่สนใจผลิตรายการให้ไอทีวี เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากทั้ง 2 รายไม่เข้ามา ถือหุ้นไอทีวี การมองหาผู้ที่จะเข้ามาถือหุ้นรายใหม่ ก็ต้องเป็นเรื่องของคณะกรรมการ(บอร์ด) เป็นผู้พิจารณา โดยที่กล่าวมาทั้งหมด จะสรุปในปลายเดือนนี้
สำหรับแผนงานในอนาคต ไอทีวี ต้องการเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ แตกธุรกิจออกไปร่วมกับพันธมิตรในหลายๆสื่อ เช่น ที่ผ่านมาเราทำข่าวฮอตนิวส์ ให้แก่บางกอกทูเดย์ เรดิโอ โดยแนวทางการดำเนินงานจะต้องเป็นสื่อที่เข้าถึงประชาชน ล่าสุดผลการเก็บข้อมูลจาก AGB Nielsen ระบุว่า ไอทีวีมีโฆษณาในช่วงไพรม์ไทม์ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ส.ค.)ขึ้นจากอันดับ 4 เป็นอันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่ง 19.2% จากสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีที่มีทั้งหมด 6 สถานี โดยอันดับ 1 ยังคงเป็น สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 อันดับ 3 สถานีโทรทัศน์ช่อง 3
ทั้งนี้ เพราะไอทีวีได้มีการปรับผังรายการอยู่ตลอดเวลา โดยให้ความสำคัญกับรายการละคร และบันเทิงในช่วงไพรม์ไทม์ เจาะเป้าหมายเยาวชน และครอบครัว ภายใต้กลยุทธ์ My prime Time ที่ออกแบบผังรายการให้ตรงตามความต้องการของผู้ชม ทั้งรายการเด็ด ฮอตนิวส์ และขยายรายการไปสู่กลุ่มผู้ชมเพศหญิงวัย 25 ปีขึ้นไป ได้ส่งผลให้ไอทีวีมีกลุ่มผู้ชมกว้างขึ้นแบบ Mass Customize ส่งผลยอดขายโฆษณาครึ่งแรกของปี 2548 อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายโฆษณาครึ่งปีแรกที่ 909 ล้านบาท
ในเดือนตุลาคม ไอทีวีมีรายการใหม่อีก 4 รายการ ได้แก่ ละครมหัศจรรย์วันเกิด ออกอากาศ ศุกร์-อาทิตย์ 19.30-20.00 น., ภารกิจชีวิต รายการเรียลิตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ 22.30-24.00 น., รายการเฟียร์แฟคเตอร์ เกมท้าชีวิต ออกอากาศ จันทร์-ศุกร์ 22.30-23.00 น. และ มาสค์ไรเดอร์ไฟซ์ เรื่องราวของไอ้มดแดงยุคดิจิตอลเวอร์ชันล่าสุด ออก อากาศในช่วงการ์ตูนคลับ ทุกวันเสาร์ 8.00-8.30 น. ซึ่งเรามั่นใจว่า จากผังรายการของไอทีวี และผลประกอบการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่า ถึงสิ้นปีการเติบโตของไอทีวี จะมากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่ง 6 เดือนแรกปีนี้ทั้งอุตสาหกรรมเติบโตที่ 4.9% สัมพันธ์แน่นไม่ซื้อหุ้นก็อยู่ได้
นางศศิกร ฉันท์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงกรณีการเข้าถือหุ้นในไอทีวีว่า ถ้าจะถาม ณ สถานการณ์ในวันนี้การที่กันตนาจะเข้าซื้อหุ้นในไอทีวีหรือไม่นั้นไม่ต่างกัน เพราะเราก็จะเป็นพันธมิตรที่ดีและเหนียวแน่นกันได้ ซึ่งที่ผ่านมาการตัดสินใจที่จะเข้าถือหุ้นในไอทีวี เพราะกันตนาต้องการความมั่นคงทางธุรกิจ และต้องการมีช่วงเวลาที่จะนำรายการที่บริษัทผลิตไว้ ได้ออกอากาศ เพราะนโยบายการปรับเปลี่ยนผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ในบางสถานี ทำให้ต้องมีการปรับผังรายการบ่อยมาก เราจึงต้องหาหลักประกันที่มั่นคงไว้
แต่จากการที่ได้ร่วมงานกับไอทีวีมากว่าหนึ่งปี ทำให้เรามีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างแน่นแฟ้น และยืนยันที่จะผลิตรายการป้อนให้แก่ไอทีวี และสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เพียง 2 แห่งเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันกันตนามีรายการอยู่ในผังรายการของไอทีวีรวม 8 รายการ
เลื่อนเข้าตลาดอย่างไม่มีกำหนด
นางศศิกร กล่าวต่อว่า ในส่วนของการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกระจายหุ้นให้ประชาชน ซึ่งตามที่ยื่นไฟลิ่งจะถึงกำหนดในเดือนพฤศจิกายนนี้นั้น บริษัทก็ยังขอเลื่อน เวลาออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะปัจจุบันหุ้นในกลุ่มบันเทิงยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่เอื้อให้นักลงทุน สนใจ ประกอบกับกันตนาได้สิทธิ์จากบีโอไอ ในการ สร้างมูฟวี่ทาวน์ ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 1.2 พันล้านบาท แต่เป็นการทยอยก่อสร้าง จึงไม่จำเป็นต้องระดมเงินลงทุน
"หากเราไม่ซื้อหุ้นไอทีวี เราก็ไม่ต้องจ่ายเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนมาก และมากพอๆ กับรายได้ทั้งปีของบริษัท ขณะเดียวกันเราจะขอใช้สิทธิ์บีโอไอในการสร้างมูฟวี่ทาวน์ ทั้ง 2 โปรเจกต์เมื่อรวมกันแล้วจะใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้น ถ้ามีแหล่งเงินทุนอื่น และไม่มีความจำเป็นต้องซื้อหุ้น เราก็ยังไม่จำเป็นต้องนำบริษัทเข้าตลาด"
สำหรับผลประกอบการของกันตนา 6 เดือนแรกปีนี้มีรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท มีกำไร 98 ล้านบาท ทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน เพราะปี 2548 ทั้งปีบริษัทมีรายได้ 1,900 ล้านบาท มีกำไร 140 ล้านบาท การที่บริษัทมีผลประกอบการเติบโตไม่มาก แต่มีผลกำไรสูงขึ้นมากเพราะเรามีการบริหารต้นทุนที่ดี ประกอบกับบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโพสต์โปรดักชัน หรือการให้บริการหลังการผลิตภาพยนตร์ เช่นการตัดต่อ การใส่เสียงและเอฟเฟกต์ ต่างๆ ประกอบภาพยนตร์
อย่างไรก็ตาม การเกิดกสช.(คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ) ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ หากมองว่าเป็นผลดีกับธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับวิทยุและโทมรทัศน์ก็เป็นได้ เพราะจะทำให้เกิดการแข่งขันแบบเสรี และธุรกิจเกิดการเติบโต แต่ในทางกลับกันการกระจายตัวมาก ขึ้นของกิจการโทรทัศน์และวิทยุ จะทำให้เกิดการแย่ง เม็ดเงินโฆษณาที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่เราในฐานะที่เป็นผู้ผลิตรายการข้อได้เปรียบคือมีช่องสถานีที่หลากหลายให้เราผลิตงานส่งให้
|
|
|
|
|