เซียนแนะรีบจองพันธบัตรน้ำมัน เหตุผลตอบแทนสูงกว่าฝากแบงก์ทุกประเภท ชี้อีก 1 ปี ดอกเบี้ยคงไม่ถึง 4.28% ส่วนอายุ 3 ปี ให้ดอกสูงถึง 5.87% เหนือกว่าพันธบัตรรัฐบาลอายุ 17 ปีด้วยซ้ำ แต่แนะทำใจหากผิดหวังเพราะใช้ระบบจองก่อนได้ก่อน เพราะงานนี้กำหนดซื้อขั้นต่ำที่ 5 หมื่นบาทแต่ไม่จำกัดเพดานซื้อสูงสุด
ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากกำลังปรับขึ้น ธนาคารพาณิชย์ต่างเสนออัตราดอกเบี้ยจูงใจ รวมถึงภาครัฐที่ออกพันธบัตรมาเพื่อช่วงชิงเงินออมของประชาชน ล่าสุดสถาบันบริหารกองทุนพลังงานได้ออกพันธบัตรน้ำมันเสนอขายวงเงินทั้งสิ้น 26,400 ล้านบาท นับได้ว่าเป็นพันธบัตรที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ระยะยาวเสียอีก โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับพันธบัตรอายุ 1 ปีอยู่ที่ 4.28% อายุ 2 ปีอยู่ที่ 5.26% และ 3 ปีอยู่ที่ 5.87% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 3 ปีอยู่ที่ 3.25% เท่านั้น
สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีเงินออมสามารถจองซื้อพันธบัตรได้ที่สาขาของธนาคารทหารไทย นครหลวงไทยและธนาคารกรุงไทยในวันที่ 10-12 ตุลาคมนี้ เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท วงเงินขั้นต่ำ 50,000 บาทต่อราย และไม่กำหนดวงเงินสูงสุดสำหรับการซื้อ รูปแบบการจองเป็นแบบใครจองก่อนได้ก่อนและปิดจองเมื่อครบวงเงิน
เหนือพันธบัตร 17 ปี
พันธบัตรชุดนี้ร้อนแรงมากโดยเฉพาะในส่วนของนักลงทุนสถาบันที่จองจนล้น ทั้งนี้เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ 3.52% อายุ 2 ปี 4.43% และ 3 ปีให้ผลตอบแทน 4.82% สำหรับพันธบัตรน้ำมันอายุ 3 ปีที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ 5.87% นั้นถือว่าให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรอายุ 17 ปีเสียอีกซึ่งให้ผลตอบแทน 5.82%
ทั้งนี้ พันธบัตรน้ำมันมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างพันธบัตรรัฐบาลกับหุ้นกู้เอกชน นั่นคือ ตัวอัตราดอกเบี้ยที่เสนอให้กับผู้ถือนั้นมีอัตราสูงเหมือนหุ้นกู้เอกชน แต่ผู้ออกเป็นหน่วยงานของรัฐทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้
พันธบัตรดังกล่าวถือว่ามีความเสี่ยงกว่าพันธบัตรทั่วไปที่ไม่มีการค้ำประกันจากรัฐบาล เพียงแต่ได้รับการคาดหมายจากผู้ลงทุนว่า คงจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลในการจัดหาเงินให้แก่กองทุนน้ำมัน รวมถึงความพยายามของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะประสานงานกับรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการในการให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้ถือตราสารหนี้และเจ้าหนี้ของสถาบันบริหารกองทุนพลังงานให้ได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา ส่งผลให้อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ AA- ที่ประเมินโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
ถ้าจะเสี่ยง-เสี่ยงที่รัฐ
สำหรับแหล่งเงินที่สำคัญในการชำระหนี้ของสถาบันจะมาจากรายได้กองทุนฯ ซึ่งเก็บจากผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยขึ้นอยู่กับปริมาณการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ กบง.ไม่สามารถเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนได้หากรัฐบาลได้รับแรงกดดันจากสภาวะราคาน้ำมันแพง
"หากรัฐบาลไม่เปลี่ยนนโยบายเข้ามาแทรกแซงราคาน้ำมันให้ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้ว คาดว่าเรื่องการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจะไม่มีปัญหา" ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่งกล่าว
นอกจากนี้รายได้ของกองทุนน้ำมันยังสะท้อนผ่านอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน โดยในปี 2547 ใช้กำลังผลิตสูงถึง 89% ถือเป็นการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 อัตราการบริโภคน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 2,439 ล้านลิตร ลดลงจาก 2,646 ล้านลิตรในช่วงเดียวกันของปี 2547 ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันและราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่การบริโภคน้ำมันดีเซล 4 เดือนแรกของปีนี้ กลับเพิ่มขึ้นจาก 41-54 ล้านลิตรระหว่างปี 2540-2547 มาเป็น 59 ล้านลิตร เป็นผลมาจากผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันดีเซลที่มีราคาถูกกว่าทดแทน
พลาดแล้วพลาดเลย
แหล่งข่าวจากวงการกองทุนรวมกล่าวว่า โอกาสที่ประชาชนทั่วไปจะเข้าถึงพันธบัตรน้ำมันชุดนี้ก็มี แต่ต้องรีบเพราะพันธบัตรแต่ละรุ่น เช่น 1,2 และ 3 ปี วงเงินแต่ละรุ่นรวม 26,400 ล้านบาท แบ่งให้นักลงทุนสถาบันที่ซื้อไปแล้ว 60% เท่ากับพันธบัตรที่เหลือถึงประชาชนมีเพียง 10,560 ล้านบาทเท่านั้น
ที่สำคัญคือเงื่อนไขที่ไม่กำหนดเพดานซื้อสูงสุดนั้น จะทำให้พันธบัตรหมดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งพันธบัตรชุดนี้ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรชุดอื่น ๆ ของรัฐบาลเมื่อเทียบในอายุที่เท่ากัน หากพลาดงานนี้อาจจะต้องรอใหม่ในปีหน้า
สำหรับกองทุนนั้นคงออกกองทุนใหม่มารับพันธบัตรชุดนี้ไม่ทัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพันธบัตรชุดนี้ออกมาเร็ว อีกส่วนหนึ่งเนื่องจากพันธบัตรชุดนี้ก้ำกึ่งระหว่างพันธบัตรรัฐบาลกับหุ้นกู้เอกชน อาจทำให้ติดชัดในเรื่องของกฎเกณฑ์ด้านการลงทุน
"เชื่อว่ากองทุนรวมใหม่ที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่จะออกมา ก็คงให้ผลตอบแทนได้ไม่เท่าพันธบัตรชุดนี้"
*************
สัญลักษณ์และนิยามอันดับเครดิต
AAA อันดับเครดิตสูงสุด มีความเสี่ยงต่ำที่สุด บริษัทมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูงสุด และได้รับผลกระทบน้อยมากจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ
AA มีความเสี่ยงต่ำมาก บริษัทมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูงมาก แต่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ มากกว่าอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับ AAA
A มีความเสี่ยงในระดับต่ำ บริษัทมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูง แต่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ มากกว่าอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงกว่า
|