ทุนญี่ปุ่นซุ่มเงียบขยับขยายโครงการอสังหาฯ เบนเข็มสู่ตลาดแหล่งท่องเที่ยว ผุด 2 โปรเจกต์ที่เชียงใหม่ และเล็งพัฒนาที่ดินบริเวณหาดกมลา จ.ภูเก็ต ภายใต้ชื่อ พีคส์ กมลา คอนโดฯ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้า ญี่ปุ่นหลังเกษียณอายุ แย้มฉีกแนวโครงการทั้งหมดในภูเก็ต เล็งร่วมออกแบบและพัฒนาบิ๊กโปรเจกต์ของกลุ่ม "สรัญญา พร็อพเพอร์ตี้ 2002" สร้างศูนย์ธุรกิจขนาดใหญ่หมื่นล้าน สุขุมวิท 71
นายยาสุโอะ มิยาซากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม โซเคอิ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจด้านการออกแบบ อาทิ โชว์รูมฮอนด้า และโอลิมปิก สเตเดียมในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงการเคลื่อนไหว ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยว่า นโยบายของบริษัท จะมุ่งพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดที่ ไม่ใหญ่ เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพ ได้ โดยโครงการแรกที่พัฒนา คือ โครงการ ทวีน พีคส์ เรสซิเด้นท์ สูง 8 ชั้น จำนวน 96 ยูนิต ซึ่ง แรกเริ่มจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่เกษียณอายุจากต่างประเทศ (ลองสเตย์) มาใช้บริการ แต่ด้วยความไม่เอื้ออำนวยและสภาพของทำเลที่ไม่เหมาะสมต่อการพัฒนา จึงได้ปรับรูปแบบสู่ตลาดคอนโดมิเนียม

นอกจากนี้ บริษัทฯได้ขยายตลาดสู่ตลาดเชียงใหม่ โดยเปิด 2 โครงการ คือคอนโดมิเนียม ทวิน พีคส์ เชียงใหม่ และ พีคส์ การ์เด้น เชียงใหม่ รวมมูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท เนื่องจากเป็น ตลาดที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนในการหาที่อยู่อาศัย ซึ่งแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในจ.เชียงใหม่ ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผู้ประกอบการอสังหาฯที่เข้ามาลงทุน ยัง มีปริมาณไม่มาก โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ระดับพรีเมียม

"ลูกค้าของบริษัทจะมาจากญี่ปุ่นเกือบ 80% ส่วนใหญ่มองประเทศไทยเป็นทำเลที่เหมาะในการหาที่อยู่อาศัยสำหรับพักผ่อนหรืออยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งการที่บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการที่กรุงเทพฯและเชียงใหม่ เพราะชาวญี่ปุ่นรู้จักชื่อนี้ดี และแนวโน้มชาวญี่ปุ่นจะมีอัตราชีวิตยืนยาวเยอะขึ้น และพบว่าพฤติกรรมของคนในประเทศ เมื่ออายุครบ 60 ปีแล้ว ต้องการออกจากงาน และไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ เช่น ฮาวาย หรือออสเตรเลีย เป็นต้น" นายยาสุโอะกล่าว

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยขณะนี้ได้ซื้อที่ดิน จำนวน 28 ไร่ บริเวณป่าตอง ห่างจาก หาดกมลาประมาณ 300 เมตร เพื่อทำโครงการภายใต้ชื่อ "พีคส์ กมลา คอนโดฯ" ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่สำหรับบริษัท เบื้องต้นมีมูลค่า ประมาณ 2,000 ล้านบาท จำนวน 58 ยูนิต ระดับ ราคาขายต้องสูงกว่าราคาขายของตลาดที่เฉลี่ยประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อยูนิต (40 ล้านบาท) โดยจะวางรูปแบบเจาะกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยระยะยาว (ลองสเตย์) และการปล่อย ลงทุนให้เช่า ทั้งนี้ จะมีการเดินสายไปแนะนำโครงการ (โรดโชว์) ให้แก่ลูกค้าที่ประเทศสิงคโปร์, ดูไบ และสหภาพโซเวียต เป็นต้น

สำหรับแผนการร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการไทยนั้น นายยาสุโอะกล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการร่วมทุน ในบริษัท นิวเดลี พร็อพเพอร์ตี้ แอสเซ็ท จำกัด กับนางสรัญญา แตงใบ ในสัดส่วน 50:50% จดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2529 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ ซื้อขายอสังหาฯ และสิทธิต่างๆในอสังหาฯ ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2547 มีรายได้รวม 22.282 ล้านบาท รายจ่าย 21.523 ล้านบาท กำไร สุทธิ 7.5 แสนบาท กำไรต่อหุ้น 9.64 บาท

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะเข้า ไปร่วมพัฒนาโครงการกับบริษัทสรัญญาพร็อพเพอร์ตี้ 2002 จำกัด ซึ่งนางศรัญญา แตงใบนั่งบริหาร อยู่ ในโครงการขนาดใหญ่รูปแบบศูนย์ธุรกิจครบวงจรแห่งใหม่ ตรงสุขุมวิท 71 บนเนื้อที่ 60 ไร่ (หักในส่วนที่ถูกเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างทางด่วนไปแล้ว 40 ไร่) มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นอาจจะเป็น ในรูปของการออกแบบโครงการ ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือไประดับหนึ่งแล้ว และหรือจะเข้าไปร่วม พัฒนาโครงการเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เวลาในการพัฒนานาน อีกทั้งยังอยู่ในทำเลที่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ที่คาดว่าจะเปิดใช้ในกลางปี 2549