|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เวิร์คพอยท์พร้อมรับกสช. เผยแผนธุรกิจช่วงโค้งท้ายปี เตรียมขยายธุรกิจสู่ภาพยนตร์เป็นครั้งแรก จับมือสหมงคลฟิล์มร่วมลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉายมี.ค.ปีหน้า ตั้งบริษัทใหม่เจาะตลาดภาพยนตร์โดยเฉพาะและร่วมลงทุนอีก 2 บริษัทรุกธุรกิจโทรทัศน์เต็บสูบ ด้านธุรกิจสิ่งพิมพ์เตรียมออกนิตยสารแนวครีเอตจับกลุ่มวัยรุ่น เดินหน้าปรับเปลี่ยนและเพิ่มผังรายการใหม่ มั่นใจสิ้นปียอดรายได้โต 30%
นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) เกิดขึ้นเป็นผลดีต่อธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์เพราะจะสร้างความเท่าเทียมกันในการดำเนินธุรกิจ ในส่วนของบริษัทเวิร์คพอยท์ฯมีศักยภาพที่แข็งแรงพอและมีความพร้อมในการทำงานตามนโยบายของกสช.หรือเพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ของกสช.ที่คาดว่าจะออกได้อีก 6 เดือนข้างหน้านี้ โดยแนวทางการทำงานแบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ การทำงานร่วมกับพันธมิตร, การทำรายการป้อนสถานี และการตั้งสถานีเอง
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 เดือนของปีนี้ บริษัทฯได้ขยายธุรกิจสู่ภาพยนตร์เป็น ครั้งแรก ด้วยการร่วมลงทุนกับค่ายสหมงคลฟิล์มฝ่ายละ 50% จากงบลงทุน 43 ล้านบาท ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "โหน่ง-เท่ง นักเลงภูเขาทอง" ซึ่งเป็นหนังแนวบู๊ตลกสไตล์แก๊ง 3 ช่าที่ออกอากาศในรายการชิงร้อยชิงล้าน จะเริ่มฉายประมาณมีนาคมปี คาดจะมีรายได้ 27 ล้านบาท จาก 3 ช่องทาง ได้แก่ ขายดีวีดี 15 ล้านบาท, ขายลิขสิทธิ์หนัง 10 ล้านบาทและขายลิขสิทธิ์ให้สถานี ช่อง 7 จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งหากคิดเป็นเงินลงทุนจริง จึงเหลือ 16 ล้านบาท ซึ่งหากหนังทำรายได้ถึง 32 ล้านบาทบริษัทฯถึงจะเท่าทุน
การที่เข้ามาธุรกิจภาพยนตร์และร่วมมือกับทางสหมงคลฟิล์ม เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงน้อย และโอกาสกำไรมีมาก จากการที่เวิร์คพอยท์ฯมีทีมงานและบุคลากรที่มีดีมีศักยภาพ โดยจะให้บริษัทหัวฟิล์มท้ายฟิล์ม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการผลิตซึ่งใน ด้านการทำพีอาร์เราก็จะทำผ่านช่วงเวลาของรายการ ทางโทรทัศน์ของเวิร์คพอยท์ที่มี 17 รายการ ส่วนทาง สหมงคลฟิล์มเองก็มีศักยภาพทางธุรกิจภาพยนตร์ที่แข็งและมีอิทธิพลต่อโรงหนัง หรือสายหนัง
ตั้งบริษัทใหม่และร่วมทุน 2 แห่ง
นายปัญญา กล่าวด้วยว่า บริษัทฯได้ขยายธุรกิจด้วยการตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง, กำกับ, เขียนบท และผลิตภาพยนตร์เป็นหลัก ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าใน 1 ปีจะผลิตภาพยนตร์จำนวน 2 เรื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมลงทุนกับนายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก ตั้งบริษัทบั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็นเวิร์คพอยท์ 60% และหม่ำ 40% เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์และสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ซึ่งรายการแรกที่ทำ ได้แก่ รายการวาไรตี้หม่ำโชว์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 1 ต.ค. 48 ทางช่อง 5 เวลา 20.15-21.15 น. รวมถึงยังได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้ บริหารโต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด เพื่อผลิตสื่อบันเทิงเต็มรูปแบบ
รุกสิ่งพิมพ์เตรียมออกหัวใหม่จับ-ปรับผังรายการ
ปีนี้บริษัทฯมีแผนรุกธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์มากขึ้นภายใต้บริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด โดยเตรียมออกนิตยสารแนวครีเอต เพื่อเจาะกลุ่ม วัยรุ่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนธ.ค.นี้ ปัจจุบันบริษัทฯมีสื่อสิ่งพิมพ์ 1 หัว คือ เกมแก้จน
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการปรับผังรายการออกอากาศ เช่น โคกคูนตระกูลไข่และกล่องดำ รวมถึงมีรายการใหม่ทดแทนรายการเดิม เช่น ครัวตัวเอ้แทนรายการเกมแก้จน และซิกส์เซนต์แทนโซฟา อเวย์ รวมปัจจุบันบริษัทฯมีรายการทั้งหมด 17 รายการ ซึ่งการถ่ายทำรายการต่างๆ บริษัทฯได้เช่าสตูดิโอของคนอื่น ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ลงทุน 400 ล้านบาทสร้างสตูดิโอเองที่แถวรังสิตคาดว่าเดือนมี.ค.ปีหน้าจะสร้างเสร็จ
สำหรับโครงสร้างบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ แบ่งเป็น 1. สายธุรกิจโทรทัศน์ซึ่งเป็นรายได้หลัก คิดเป็นสัดส่วน 90% มี 3 บริษัทในเครือ คือ บริษัทคำพอดี จำกัด, บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด และบริษัทบั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด 2. สายสื่อสิ่งพิมพ์มีบริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด และสายธุรกิจภาพยนตร์มีบริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด และบริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด สำหรับยอดรายได้ปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 30% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 848 ล้านบาท
|
|
|
|
|