ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จับมือโฮจิมินห์ ดึงบริษัทร่วมทุนเข้าจดทะเบียนทั้ง 2 ประเทศ หลังลงนามความร่วมมือให้ความช่วยเหลือเทคโนโลยีต่ออีก 5 ปี หวังร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต ด้านผู้จัดการทั่วไปเวียดนาม เผยแผนเพิ่มบริษัทจดทะเบียนเป็น 100 บริษัทปี 49 จากปัจจุบันที่มี 30 บริษัทหวังเพิ่มมาร์เกตแคป 15-20% ในปี 2010 จากขณะนี้ 0.6% ของ GDP ปี เตรียมประกาศใช้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ปี 49

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความร่วมมือให้ความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีต่ออีก 5 ปี และที่เพิ่มเติมการร่วมมือ และความร่วมมือทางธุรกิจ ในอนาคตกับศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ โฮจิมินห์ The Ho Chi Minh City Securities Trading Center (HoSTC) ซึ่งมีหลายเรื่อง แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นและสำคัญ คือเรื่อง กรณีที่บริษัทที่ทำธุรกิจในเวียดนามและเป็นลักษณะร่วมลงทุนระหว่างไทย กับเวียดนาม

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ ฯกับศูนย์ ซื้อขายฯเวียดนามก็ทำงานร่วมกัน ซึ่ง จะชวนให้บริษัทดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นตลาดแรกก่อน อีกตลาดหนึ่งก็จะให้ การสนับสนุนให้มีการจดทะเบียนคู่ (Cross Listing) โดย ตลท.อาสาที่จะชักชวนให้นักธุรกิจไทยเข้ามาจดทะเบียนในประเทศไทยและศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เวียดนามด้วย โดยเรื่องค่าธรรมเนียมนั้นตลาดหลัก-ทรัพย์ฯและตลท.เวียดนามตั้งใจไม่ให้เกิดภาระซ้ำซ้อน

สำหรับการจดทะเบียนคู่กันนั้นขณะ ตลท.ได้มีการหารือกับบริษัทไทย ซึ่งรอความชัดเจนการลงนามในวานนี้ หลังจากนั้นก็จะเริ่มทำงานร่วมกันอย่างจริงจังทุกฝ่ายที่จะทำงานอย่าง ราบรื่นไม่ให้กระทบกับความรู้สึกของ บริษัท ที่เดิมประกอบธุรกิจในเวียด-นามแต่มาจดทะเบียนในไทยก่อนจะดีหรือไม่แต่การร่วมมือครั้งนี้ไม่ว่าจะจดทะเบียนที่ไหนก่อนก็ได้ หลังจาก นั้นค่อยจดทะเบียนคู่ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ โฮจิมินห์ มีบริษัทจดทะเบียน 30 บริษัทและ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มให้ครบเป็น 100 บริษัทในปี49 ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มี อัตราการเติบโตที่เร็ว ซึ่งจะได้รับความ สนใจ ซึ่งการร่วมมือกันครั้งนี้ก็ช่วยให้ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเป็นคู่ค้า ที่ดี ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรกันระหว่าง 2 ตลาดซึ่งเหมือนกับที่เคย ทำเมื่อประเทศฟิลิปปินส์

ทั้งนี้ ดร.เจิ่น ดัค ซิงห์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การซื้อขายหลักทรัพย์ โฮจิมินห์ กล่าวถึงเป้าหมายของศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์โฮจิมินห์ เช่น ขยายการเป็นตัวกลางซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น คาดว่าปี 2010 จะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มเป็น 15-20% จากที่มาร์เกตแคป 15,548 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.6% ของ GDP ปี 47 ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น โดยขณะนี้ มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 49% เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งจะมีการขอให้มีการ ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ซึ่งจะประกาศใช้ในปี 2006 ซึ่งจะเปลี่ยนสถานะจากศูนย์ซื้อขายเป็นตลาด หลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ HoSTC มีระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ 3 ตุลาคม 2548 เป็นต้นไป