|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.กสิกรไทยตั้งเป้าดันเอ็นเอวีทะลุ 2 แสนล้านภายในสิ้นปีนี้ หลัง 3 ไตรมาสแรกกองทุน รวมขยายตัวเกินเป้า ระบุมาจากตราสารหนี้ล้วนๆ เกือบ 50,000 ล้านบาท เผยเตรียมเข็น LTF-RMF กองใหม่ระดมทุนปลายปีนี้ พร้อมชูจุดเด่น เน้นออกกองทุนความเสี่ยงต่ำ ผสมผสานการเอาใจใส่ธุรกิจและจรรยาบรรณมากขึ้น หวังสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนระยะยาว
นางดัยนา บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทภายหลังการปรับกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทยว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีความใกล้ชิดกับธนาคารมาโดยตลอด ทั้งในแง่ของการเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกสิกรไทยและการเป็นตัวแทนขายหน่วย ลงทุนผ่านสาขา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี ภาพของนโยบายการเป็นบริษัทในเครือมีความ ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ถึงการเป็นธนาคาร ที่มีความโปร่งใสและให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของนโยบายการลงทุนนั้น คงไม่มี การเปลี่ยนแปลง โดยที่ยังคงสอดคล้องกับธนาคารดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการขายหน่วยลงทุนผ่านสาขากว่า 90% สำหรับกองทุนรวม
"ต่อไปนี้ภาพจะชัดเจนขึ้น และจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ที่จะมีความใกล้ชิดและสอดคล้องกันมาก ขึ้น จากที่ต่างคนต่างทำในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งจะรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ร่วมกันหมดทั้งเครือ ด้วย วัตถุประสงค์ร่วมกันคือ การสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า" นางดัยนากล่าว
สำหรับการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ช่วงต้นปี นางดัยนา กล่าวว่า ปีนี้บริษัทขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนรวมไปแล้วเกือบ 50,000 ล้านบาท โดยในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตประมาณ 30% จากเป้าเดิม 25% ทำให้มีการปรับประมาณการการขยายตัวในปีนี้ใหม่ ด้วยการ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ภายใต้การบริหาร ณ สิ้นปีเป็น 200,000 ล้านบาท จาก 150,000 ล้านบาทในช่วงต้นปี หรือขยายตัวประมาณ 33%
โดยกองทุนที่เปิดขายส่วนใหญ่ เป็นกองทุนรวมประเภทตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยมีกองทุนหุ้นจำนวน 1 กองทุน คือ กองทุน เปิดรวงข้าว เซท 50 ซึ่งสามารถระดมทุนได้ค่อนข้าง น้อยประมาณ 200 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงผันผวนทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน แต่หลังจากที่ดัชนีปรับตัวดีขึ้นนักลงทุนกลับเสียดายที่ไม่ได้ลงทุน ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจริงๆ แล้วการลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนระยะยาวไม่อยากให้มองเพียงระยะสั้นๆ เพราะยังไงการลงทุนระยะยาวย่อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยการลงทุนในกองทุนหุ้นของบริษัทในช่วง ที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9% ซึ่งคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 740 จุด
"ที่ผ่านมากองทุนหุ้นไม่โตมากนัก และลูกค้าก็ยังขายคืนหน่วยลงทุนมาอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย โดยจากนี้ไปคงต้องให้ความรูแก่ผู้ลงทุน เพิ่มขึ้น เพื่อเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องของการลงทุนเสียใหม่" นางดัยนากล่าว
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนที่เหลือ ของปีนั้น จะมีกองทุนออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ที่จะออกมาอีกประมาณ 3-4 กองทุน เน้นการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นเป็นหลัก รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้งกองทุนรวม หุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อ การเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงสิ้นปี โดยจะพิจารณาถึงความต้องการของนักลงทุนก่อน ทั้งนี้ กองทุนที่จะออกในช่วงต่อไป จะเน้นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำสุดให้ผู้ลงทุนเลือกมากขึ้น รวมทั้งแนะนำกองทุน ที่เหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนในแต่ละช่วงอายุด้วย
นางดัยนา กล่าวว่า สำหรับจุดเด่นของบริษัท จะเน้นการเอาใจใส่ธุรกิจที่เราทำมากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนเป็นหลัก พร้อมทั้งเน้นการทำตามจรรยาบรรณที่เป็นพื้นฐานสำคัญ รวมทั้งพัฒนาบุคลากรที่ทุ่มเทให้กับการทำงาน และบริการ ทำงานกันเป็นทีมมากขึ้นและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยตลอดเวลา เพื่อรองรับการ แข่งขันในอนาคต
|
|
|
|
|