|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนาคารเกียรตินาคิน ยื่นตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอย้ายเข้าเทรดกลุ่มธนาคาร หลังเปิดทำธุรกรรมวันแรกวานนี้ คาดสิ้นปีนี้สินทรัพย์มีไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นล้านบาท และเงินฝาก 5 หมื่นล้านบาท ขยายตัวจากครึ่งแรก 10% ผู้บริหารประกาศขอเป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีการเติบโตดีกว่าแบงก์ใหญ่ มุ่งทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ
นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังเปิดดำเนินธุรกรรมธนาคารพาณิชย์อย่างเป็นทางการวันแรก ว่า วานนี้ (3 ต.ค.) ธนาคารได้ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอย้ายหลักทรัพย์จากการซื้อขายในหมวดบริษัทเงินทุน เป็นหมวดธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันจะสามารถย้ายเข้าไปซื้อขายในหมวดธนาคารพาณิชย์ได้
"การปรับฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์ จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารได้มากขึ้น สังเกตจากสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้เต็มเพดานที่สัดส่วน 44% ตามที่ได้ยื่นไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)"
สำหรับประเด็นการเข้ามาครอบงำธุรกิจสถาบันการเงินของนักลงทุนต่างชาตินั้น นายสุพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเมื่อเทียบกับธุรกิจ อื่น เพราะมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาก รวมทั้งจะต้องขออนุญาตจากธปท. และธนาคารเกียรตินาคินเองไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยเงินลงทุนหรือพันธมิตรจากต่างประเทศ
ด้านแผนการดำเนินงานนั้น ธนาคารคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีสินทรัพย์รวมไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 64,000 ล้านบาท หรือขยายตัวประมาณ 10% ซึ่งขยายตัวเท่ากับเงินฝากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท จากครึ่งแรกมีเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 47,000 ล้านบาท
หลังการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ธนาคารจะเน้นความเป็นธนาคารขนาดเล็กแต่มีการเติบโตที่ดีกว่าธนาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อหรือสินเชื่ออุปโภคบริโภค คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของสินเชื่อรวม สินเชื่อให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 25% และส่วนที่เหลือสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสินเชื่ออื่นๆ
ธนาคารยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 5-7% ของตลาดรวม หรืออยู่อันดับ 6 โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เก่าเป็นหลัก หรือ มีสัดส่วนประมาณ 70% ส่วนรถใหม่มีสัดส่วนอยู่ 30%
สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้ ธนาคารจะมีสาขารวมสำนักงานใหญ่ ทั้งสิ้นรวม 17 แห่ง และในปีหน้าจะเพิ่มอีก 3-4 แห่ง และในปี 2550 จะเพิ่มเป็น 42 แห่ง โดยสาขาส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนในกรุงเทพฯ จะมี 7 แห่ง โดยจะขยายตัวหัวเมืองที่สำคัญ
ขณะที่การระดมเงินฝาก ธนาคาร จะเน้นเงินฝากที่มีอายุประมาณ 2 ปี วงเงินเฉลี่ยแต่ละบัญชี 1 ล้านบาท เพื่อรองรับสถาบันประกันเงินฝากจัดตั้งขึ้นในอนาคต รวมถึงเงินฝากลูกค้า ขนาดใหญ่ โดยธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 0.5% ทั้งนี้ใน 3 ปีข้างหน้าธนาคารจะมีสัดส่วนของบัญชีออมทรัพย์ 20% ส่วนอีก 80% เป็นบัญชีเงินฝากประจำ ซึ่งจะสอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
|
|
|
|
|