ท็อปส์ฯยกขบวนสินค้าเจกว่า 300 รายการรับเทศกาลกินเจปีนี้ พร้อมดึงเนสวีต้า และพีแอนด์จีเข้าร่วม เผยคนแห่ซื้อกักตุนอาหารเจก่อนเข้าเทศกาล 2 อาทิตย์ โดยมีซอส นม ถั่วเหลือง และผักผลไม้ขายดีอันดับ 1 ลุ้นเทศกาลเจปีนี้เพิ่มยอดขาย อีก 30% เดอะมอลล์ ซีพีเอ็นร่วมวง มาม่าผลิตรสชาติเจหมื่นหีบ
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่าในปีนี้ท็อปส์ฯจัดเทศกาลอาหารเจระหว่างวันที่ 2-11 ตุลาคม 2548 โดยในปีนี้ได้จัดเตรียมสินค้าเจกว่า 300 รายการ ซึ่งมากกว่า ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนถึงช่วงเทศกาลเจนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้จะเริ่มทยอยซื้อสินค้าเจมาเก็บไว้ โดยเฉพาะพวกอาหารแห้งและอาหารกระป๋อง เช่น นมถั่วเหลือง, ซอสปรุงรส, โปรตีนเกษตร, บะหมี่สำเร็จรูปเจ เป็นต้น พอเข้าสู่ช่วงเทศกาลอาหารสดจะขายดี เช่น ผัก, ผลไม้, อาหารสำเร็จรูปต่างๆ ฯลฯ
นอกจากนั้นยังได้เตรียมสินค้าพวกภาชนะและเครื่องครัวใหม่ๆ สำหรับผู้ที่เคร่งครัดในการกินเจ โดยต้องการปรุงอาหารเองอีกด้วย โดยจะใช้พื้นที่ในการจัดเทศกาลอาหารเจ 2 จุดได้แก่ ในซูเปอร์มาร์เกตโดยจะจัดซุ้มเทศกาลอาหารเจ และในฟูดคอร์ต มุมอร่อย โดยจะร่วมมือกับร้านขายอาหารเจ เช่น อาหารไทย, ขนมจีน, ข้าวแกง, ซาลาเปาและขนมจีบเจ, ส้มตำและลาบเจ, สลัดผักเจ, ขนมปังเจ ฯลฯ
อีกทั้งยังได้จัดโปรโมชันร่วมกับ ซัปพลายเออร์ 2 ราย ได้แก่ เนสวีต้า และพีแอนด์จี โดยในส่วนของเนสวีต้า จะจัดโปรโมชัน "สุขภาพดีรับเทศกาล กินเจกับเนสวีต้า" ซึ่งจะแจกเครื่องดื่ม ธัญญาหารสำเร็จรูปสูตรเจแก่ลูกค้าที่ซื้อคูปองอาหารชนิดไม่รับคืนครบ 70 บาท ขณะที่ในส่วนของพีแอนด์จี จะจัดโปรโมชัน "ของขวัญสำหรับนักชอปตัวจริง" โดยจะแจกคูปองแทนเงินสด หรือบัตรของขวัญ เมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เนื่องจากลูกค้าชอบโปรโมชันแจกคูปองเงินสดมาก
สำหรับยอดขายสินค้าอาหารเจในปีนี้คาดว่าจะมากขึ้นกว่าช่วงเทศกาล กินเจปีที่แล้ว 30% ซึ่งมากกว่าการเติบโตของยอดขายสินค้าเจปี 48 ที่มีอัตราเติบโตจากปี 47 ประมาณ 20% ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการขยายสาขาของท็อปส์ฯ โดยสาขาที่คาดว่าจะขายดีที่สุดในช่วงเทศกาลเจ ได้แก่ ท็อปส์ฯ สาขา จ.ภูเก็ต และท็อปส์ฯ สาขาเยาวราช ซึ่งมีทำเลอยู่ใน แหล่งของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ส่วนสินค้าเจที่คาดว่าจะมียอดขายเติบโตสูงสุดถึง 40% ในปีนี้ ได้แก่ สินค้ากลุ่ม เครื่องดื่มนมถั่วเหลืองยูเอชที,ผักและ ผลไม้ และซอสปรุงรส ขณะที่อาหารสำเร็จรูป เจจะเติบโตรองลงมาที่ 30%
สำหรับตลาดรวมเทศกาลอาหารเจในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งโมเดิร์นเทรดและทราดิชันแนลเทรด ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้ว 30% เนื่องจากมีผู้นิยมบริโภค อาหารเจเพิ่มขึ้น สำหรับท็อปส์ฯเองมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 20% ของฐานลูกค้าทั้งหมดที่มีอยู่ 1.2 ล้านคนต่อสัปดาห์ โดยฐานลูกค้ากลุ่มนิยม บริโภคอาหารเจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปีละ 30% เนื่องจากหาซื้อง่ายขึ้น อีกทั้งมีให้เลือกหลากหลายขึ้น และรสชาติก็ดีขึ้นด้วย
ทางด้านศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซา เชียงใหม่ร่วมกับร้านอาหารในศูนย์อาหารล้านนาฟู้ดพาวิลเลี่ยน และกาดหลวงแอร์พอร์ต รวมกว่า 50 ร้านค้าต้อนรับเทศกาลอาหารเจกับอาหารเจหลากหลายรายการกว่า 100 เมนู ที่คัดสรรจากทั่วทุกภาคของประเทศไทย ว่าเป็นสุดยอดอาหารอิ่มบุญแสนอร่อย อาทิ แกงไตปลา, หมี่อิ่มบุญ, หมี่ซั้ว, น้ำพริกหนุ่ม, แกงโฮะ, ก๋วยเตี๋ยวหลอด, ข้าวผัดเจ และอื่นๆ ในงาน "เทศกาลอาหารเจ 4 ภาค" ตั้งแต่วันที่ 1 - 11 ตุลาคม 2548 บริเวณชั้น G กาดหลวงแอร์พอร์ตและชั้น 4 ศูนย์อาหารล้านนาฟู้ดพาวิลเลี่ยน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซา เชียงใหม่
ด้านเดอะมอลล์ก็จัดเทศกาลกินเจเช่นกัน โดยนางลักขณา นะวิโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ได้จัดงาน "อาหารเจทั่วทิศ กุศลจิตทั่วไทย" ใน 2 พื้นที่หลักคือ วันที่ 29 กันยายน-12 ตุลาคม ที่โฮมเฟรชมาร์ททุกสาขา ซึ่งมีการจัดเตรียมอาหารปลอดสารพิษ อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ต่างๆ และวันที่ 3-12 ตุลาคม จัดที่ลานอีเวนต์ฮอลเดอะ มอลล์ทุกสาขาเป็นการจัดงานกิจกรรม ต่างๆ โดยรวมอาหารเจชื่อดังจากร้านค้าต่างๆ เช่น เยาวราช สามย่าน บางรัก มาออกร้านคาดว่าการทำตลาด รูปแบบซีซันมาร์เกตติ้ง เทศกาลกินเจครั้งนี้จะมีรายได้หมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณด้านการจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ 3 ล้านบาท มาม่าเจผลิตกว่า 10,000 หีบ
นายเพชร พะเนียงเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้ผลิตมาม่าเจมากกว่า 10,000 หีบขึ้นไป โดยได้เริ่มวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศแล้ว เพื่อต้อนรับในช่วงเทศกาลกินเจในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ ซึ่งปีนี้ทางบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ได้สั่งผลิต ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับปีที่ 2547 มีการสั่งผลิตมากกว่า ทำให้ร้านค้าปลีก รายย่อยมีเสียงบ่นมา
ปีนี้บริษัทสหพัฒนพิบูลสั่งผลิต ตามความต้องการของตลาดก็เพื่อป้องกันสินค้าเหลือหลังจากหมดเทศกาลกินเจ เพราะปัจจุบันมีอาหารเจหลากหลายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำรวมทั้งรถเข็น ทำให้มาม่าเจอาจจะกลายเป็นสินค้าที่ทดแทนเวลาหิวตอนกลางคืนเท่านั้น ขณะเดียวกัน ปีนี้ก็มีปัจจัยบวกด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งอาหารเจอาจจะมีราคาแพงเพิ่มขึ้น มาม่าเจอาจจะเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
|