Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์30 กันยายน 2548
คิกออฟ 'แฟรนไชส์ไทยสู่แฟรนไชส์โลก'             
 


   
search resources

Franchises
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า




- รัฐรื้อแผน แฟรนไชส์ไทย go inter 4 ปีไม่คืบพบจุดอ่อนเพียบ
- จัดตั้งศูนย์บ่มเพาะติวเข้ม ติดปีกผู้ประกอบการล็อตแรก 50 รายเริ่มปี 49
- กลับลำเจาะ 4 กลุ่มประเทศแถบเอเชีย-ตะวันออกกลาง แทนตลาดใหม่
- ผู้เชี่ยวชาญแนะเตรียมความพร้อมให้ความรู้กันตั้งแต่การสร้างแบรนด์

ธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย กระทรวงพาณิชย์โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินงานภายใต้นโยบายเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันผู้ประกอบการออกสู่ตลาดโลกเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ ขณะเดียวกันอัตราการเติบโตของภาคธุรกิจแฟรนไชส์นั้นเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วประมาณ 15% เท่านั้น ขณะนี้ที่ประเทศใกล้เคียงอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโตระหว่าง 70-90% เท่ากับว่ายังมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ

ซึ่งได้มีการเริ่มโครงการแฟรนไชส์ไทยสู่แฟรนไชส์โลกครั้งแรกในปี 2544 มีผู้ประกอบการแฟรนไชส์ผ่านการอบรมแล้วจำนวน 250 ราย และจากการประเมินความคืบหน้าของโครงการด้านศักยภาพผู้ประกอบการนั้นยังมีจุดอ่อนอีกมาก โดยกำหนดวันที่ 19 กันยายน 2549 เริ่มต้นโครงการอีกครั้ง แต่ภายใต้หลักสูตรการอบรมที่เข้มข้น ตั้งแต่การสร้างแบรนด์ ข้อกฎหมายจนถึงการขออนุมัติเงินกู้

สกัดจุดอ่อนตั้งศูนย์บ่มเพาะ

อรจิต สิงคาลวนิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากการประเมินผลการอบรมดังกล่าว เมื่อผู้ประกอบการต้องลงสู่ภาคสนามจริงๆ นั้นกลับพบจุดอ่อน ส่งผลให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงสรุปจุดอ่อนออกเป็น 5 หมวด ที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขดังนี้

1. การออกแบบตราสินค้า การออกแบบรูปแบบร้านค้า 2. การจดเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญา 3. การเตรียมความพร้อมไปต่างประเทศ 4. การแปลงทรัพย์สินเป็นทุนและ 5. การขออนุมัติสินเชื่อ โดย เอสเอ็มอีแบงก์และธนาคารออมสิน

"ครั้งนี้ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการส่งออก กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไทยไปยังต่างประเทศให้ได้ และเพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพเพิ่มมูลค่าในตลาด" อรจิตกล่าว

ด้านสมชาติ สร้อยทอง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเสริมว่า จะจัดตั้งเป็นศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการขึ้นรุ่นแรกจำนวน 50 ราย ตามความสมัครใจแต่มีหลักเกณฑ์ที่พิจาณาผู้ร่วมโครงการคือ1.ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์หรือแฟรนไชซอมาไม่น้อยกว่า 2 ปี 2. มีจำนวนสาขาแฟรนไชส์ไม่น้อยกว่า 3 แห่ง 3. มีผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทยไม่น้อยกว่า 51% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด 4. มีผลประกอบการได้กำไรในช่วง 2 ปีย้อนหลัง 5. มีคู่มือปฎิบัติงานทุกขั้นตอน และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน 6. ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท 7. มีการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วและ 8. ต้องมีผู้บริหารที่ดำเนินธุรกิจหรือประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์มาไม่น้อยกว่า 2 ปี

"ปัจจุบันต้องยอมรับว่ากระแส แฟรนไชส์มาแรงมาก แต่ในภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยยังค่อนข้างอ่อนแอ และครั้งนี้ จะเป็นการอบรมกันอย่างเข้มข้นให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ โดยผู้ประกอบการแฟรนไชส์ต้องมีความมุ่งมั่นจริง จะเห็นว่าเรารับสมัครอยู่ที่ความสมัครใจแต่ต้องตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ศูนย์บ่มเพาะนี้ จะเท่ากับเป็นการติดปีก เสริมอาวุธให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์แข่งขันในตลาดโลกได้ โดยศูนย์นี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ การบริการ การพัฒนาธุรกิจและแก้ไขปัญหาร่วมถึงการจัดทำคู่มือธุรกิจ" สมชายกล่าว

เจาะ 4 กลุ่มประเทศดาวรุ่ง

สมชาติ กล่าวว่า โดยมีการจัดตั้งกลุ่มทำงานแต่ละประเทศเป้าหมายขึ้น 4 กลุ่มประเทศ ในเบื้องต้นนี้จะเป็นประเทศที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง พิจารณาประเภทกิจการที่เหมาะสมกับภูมิภาคเหล่านี้ เพื่อการส่งเสริมที่ถูกทิศทางมากขึ้น เช่นธุรกิจบริการประเภทสปา โดยเฉพาะสปาไทยนั้นเป็นที่นิยมในตะวันออกกลางอย่างมาก

จิตต์วิภา ศักดิ์พิทักษ์สกุล ผู้อำนวยการกองธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวเพิ่มเติมว่า ซึ่ง 4 กลุ่มประเทศนั้น เหมาะสำหรับรายที่เพิ่งจะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ซึ่งควรเริ่มที่ประเทศใกล้เคียงกับไทยก่อน เพราะค่าใช้จ่ายถูก วัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน แล้วค่อยนำประสบการณ์เหล่านี้มาเรียนรู้และแก้ปัญหาก่อนขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น สถิติผู้ร่วมโครงการที่สามารถขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้นั้นมีไม่ถึง 10% ส่วนใหญ่ถอยเสียก่อน ปัจจัยจากเรื่องระยะทางเพราะทำให้มีต้นทุนสูงตามไปด้วย

"อย่างประเทศที่น่าสนใจและอยู่ 4 กลุ่มประเทศที่กระทรวงส่งเสริม เช่น ฮานอย โฮจิมินท์ ประเทศเวียดนาม น่าจะไปได้ดี เพราะชาวเวียดนามยอมรับในธุรกิจไทย หรือ ดูไบ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และจีนที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งทางกระทรวงได้ทำแสดงสินค้าในประเทศเหล่นี้และอยู่ระหว่างที่จะไปในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งผู้ประกอบการรายใดสนใจตลาดไหนก็ร่วมเฉพาะงานก็ได้" จิตต์วิภากล่าว

การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปต่างประเทศได้นั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรายใหญ่เท่านั้นถึงจะประสบผลสำเร็จ รายเล็กก็สามารถ เพราะความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ อยู่ที่นโยบายของธุรกิจ การแก้ไขปัญหาในแต่ละช่วง ที่สำคัญต้องเตรียมความพร้อมของทีมงาน รู้ตลาด และภาษาที่ดี เพื่อให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น และความพร้อมข้อมูล การติดต่อกับบริษัท ซึ่งธุรกิจควรจดโดเมนเนมซึ่งเสียค่าใช้จ่ายไม่มากและเป็นที่แพร่หลายของธุรกิจระดับสากล

Brand หัวใจสู่ความสำเร็จ

ชัยรัตน์ อัศวางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิทอิน ดีไซส์ จำกัด ผู้มีประสบการณ์ในวงการมากว่า 20 ปี กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าการออกแบบคือการออกแบบโลโก้ แต่สิ่งแรกคือการออกแบบแบรนด์ เพราะแบรนด์คือภาพของบริษัทเป็นสิ่งสำคัญที่ให้ธุรกิจประสบความสำคัญ และควบคู่กับสินค้า การดีไซส์ซึ่งสินค้าไทยส่วนใหญ่สวยแต่อาจขายไม่ได้ก็มี ซึ่งการออกแบบนั้นต้องให้โดนใจ

เขายกตัวอย่างเช่น ร้านขนมปังนมสด คนส่วนใหญ่จะคิดถึง "มนต์นมสด" สิ่งนี้คือแบรนด์ แต่อาจนึกโลโก้ไม่ออก ฉะนั้นแบรนด์มีความสำคัญและต้องสร้างแบรนด์ก่อน ถ้าเปรียบเทียบแบรนด์คือบ้านทั้งหลัง ขณะที่โลโก้คือประตู แต่ต้องกำหนดสี ตัวอักษร เพื่อสร้างความจดจำด้วย เพราะถ้ามีแบรนด์แล้วการทำธุรกิจให้สำเร็จก็ง่ายขึ้น เช่นมนต์นมสด ถ้าเขาประกาศขายแฟรนไชส์ก็พร้อมที่จะมีผู้ลงทุนกันทุกจังหวัดเพราะแบรนด์ติดตลาดแล้ว

ติงแบงก์ไม่เข้าใจแฟรนไชส์

พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ล่าสุดสมาคมฯ ได้จัดงาน World Franchise Forum 2005 โดยได้เชิญแบงก์รัฐและเอกชนร่วมฟังสัมมนาในหัวข้อ "สถาบันการเงินกับบทบาทการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทย" เพราะยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ค่อนข้างน้อยทำให้ส่งผลต่อการพิจารณาในการปล่อยสินค้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโตของธุรกิจ

"ถ้าขาดการสนับสนุนเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์หรือแฟรนไชซอร์ที่ถูกต้อง โดยเหมารวมกับสินเชื่อพ่อค้าแม่ค้า 20,000-50,000 บาทนั้น ไม่อาจทำให้ธุรกิจโตได้ ตอนนี้มีลูกค้าของธุรกิจแฟรนไชส์มากกว่า 11,000 ราย และคาดว่าจะโตขึ้นอีกเท่าตัว เป็นกลุ่มที่มีความรู้มีเงินจำนวนหนึ่ง ที่พร้อมจะลงทุนกับเจ้าของกิจการหรือแฟรนไชซอร์ที่เข้มแข็ง เพราะนั่นหมายถึงความยั่งยืนและความชัดเจนของธุรกิจ ฉะนั้นเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจแฟรนไชส์ และแตกต่างจากธุรกิจทั่วไป ซึ่งขณะนี้เอสเอ็มอีแบงก์ได้เริ่มโดยมีผู้เชี่ยวชาญพิจารณาสินเชื่อแฟรนไชส์" พีระพงษ์กล่าว

ขณะที่แฟรนไชส์ขนาดเล็ก หรือลงทุนต่ำกว่าแสนเป็นธุรกิจที่ผลักดันลำบาก แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลมาสนับสนุน เท่ากับว่าแฟรนไชส์เล็กๆ ล้มหายตายจากไปจากเงินกู้เล็กๆ น้อยๆ และแบงก์ก็ไม่สามารถเก็บเงินกับรายเหล่านี้ได้ เท่ากับว่าคนที่กู้ก็จ่ายเงินไม่ได้ คนที่เป็นแฟรนไชซอร์ก็พัฒนาตัวเองไม่ได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us