|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เซ็นชะกำลังปรับตัวเพื่อรักษาตำแหน่งอันดับ 3 ในตลาดชาเขียว หลังจากถูกเพียวริคุ ชาขาวจากค่ายกระทิงแดงเบียดขึ้นมาเป็นอันดับสามร่วมกันส่วน "แชมป์" และ "รองแชมป์" ไม่ต้องพูดถึงเป็นของโออิชิ และยูนิฟ เซนชะ ได้ออกสู่ตลาดในช่วงหน้าร้อนปีที่แล้ว (เมษายน 47) ชูจุดขายความเป็นญี่ปุ่นแท้ ๆ (เขาให้ดูจากสัญชาติบริษัทแม่ อายิโนะโมโตะ ที่เป็นญี่ปุ่น) มุ่งกลุ่มเป้าหมายที่นักศึกษามหาวิทยาลัยและคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเริ่มวางตลาดรสชาติดั้งเดิมก่อน เป็นชาเขียวแท้ๆ ตามแบบต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ บริษัท ตั้งเป้ายอดขายช่วงแนะนำตัวไว้ประมาณ 20% ของมูลค่าตลาดรวม
หลังสิ้นสุดการแข่งขันโอลิมปิคได้ไม่นาน เซนชะได้ดึงตัวนักเทควันโด้เหรียญทองแดงที่กำลังโด่งดังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น อย่าง "น้องวิว - เยาวภา บุรพลชัย" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ชาเขียวพร้อมดื่ม เซนชะ ยูสุ ฮันนี่
ชาเขียวรสใหม่ รสชาติที่สองของเซนชะ
เนื่องจากน้องวิวมีบุคลิกหวานซ่อนเปรี้ยว การเซ็นสัญญากับชาเขียวเซนชะ ของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ เซลล์ ประเทศไทย จำกัด นั้นมีระยะ 1 ปี แต่ทว่าความนิยมที่มวลชนมีให้แก่น้องวิวนั้นสั้นกว่าอายุสัญญาเสียอีก
ประเด็นหลักของ เซนชะ คือ ต้องการให้แบรนด์เป็นที่รับรู้ (Awareness) ในวงกว้างและเร็ว รวมถึงสร้างคาแร็กเตอร์ให้กับองค์กรและตัวผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ต้องการให้ตำแหน่งสินค้ามีความชัดเจนและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ วัยรุ่นอายุ 13-19 ปี โดยโฆษณาชุด Fighting ... สื่อถึงการต่อสู้ให้ได้มาซึ่ง "สิ่งที่ต้องการ" และ "สิ่งที่ดีกว่า"
กล่าวโดยสรุป เซ็นชะนั้นสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงแรกที่วางตลาด (จนไปถึง 11%) หลังจากนั้นส่วนแบ่งตลาดก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียง 6 - 7%บางเดือนเหลือเพียง 5% ... เท่ากับเพียวริคุ
อายิโนะโมโตะ เจ้าของ "เซ็นชะ" เห็นว่าหากปล่อยไว้เฉย ๆ คงไม่ได้การณ์ จึงปรับปรุงผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ ทั้งปรับรสชาติเดิมให้กลมกล่อมถูกใจผู้บริโภคเป้าหมายมากขึ้น ปรับบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัยวัยรุ่นขึ้น รวมทั้งออกรสชาติใหม่
ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด "เซนชะ ปรับใหม่ อร่อยแค่ไหน ต้องลอง"
"ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมงบกว่า 100 ล้านบาท ปรับแนวทางการทำตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาเขียวให้หวานขึ้น เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สีสันสดใส ทันสมัย พร้อมออกรสแอปเปิลฟูจิ" พิเชียร คูสมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
งบ 100 ล้านบาทจะถูกใช้ทำการตลาดในช่วงไตรมาส 4 ผ่านสื่อ ต่าง ๆ ออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
งบดังกล่าวถือเป็นงบจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ที่ใช้งบรวมไม่ถึง 100 ล้านบาท
กิจกรรมส่งเสริมการขายนั้นจะเป็นไปอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้ผู้บริโภคส่งชิ้นส่วนมาชิงโชคทองคำ พร้อมจี้รูปชาเขียว 50 สตางค์ 24 รางวัล ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่ต.ค.-ธ.ค.2548 รวมทั้งกิจกรรม "เซนชะคาราโอเกะ โรดโชว์" สัญจรใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ
ผู้บริหารของอายิโนะโมโตะคาดการณ์ว่าการปรับแนวทางการทำตลาดครั้งนี้ จะทำให้ชาเขียวเซนชะ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 10% ในสิ้นปีนี้ โดยยังรักษาตำแหน่งเบอร์ 3 รองจากยูนิฟ เบอร์สอง ที่มีส่วนแบ่งกว่า 20%และโออิชิ ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง 60% (จากมูลค่าตลาดรวม 6,800 ล้านบาท)
ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมขยายฐานลูกค้าออกไป โดยจะส่งออกไปสู่ประเทศแถบอินโดจีน ในปลายปีนี้บริษัทเตรียมที่จะส่งออก"เซนชะ"ไปจำหน่ายยัง ประเทศในแถบอินโดจีน เพราะลำพังตลาดในประเทศ ไม่คุ้มค่าในการผลิต จึงต้องขยายฐานตลาด เพื่อลดต้นทุนการผลิตสินค้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อินโดจีนนั้นมีพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มที่ใกล้เคียงกับคนไทย แต่ อาจปรับรสชาติใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ
เซนชะจะรักษาตำแหน่งที่ 3 ในตลาดได้หรือไม่?
บทวิเคราะห์
เซนชะ คือชาเขียวจากค่ายใหญ่ที่เข้าสู่ตลาดเป็นรายที่สาม เข้ามาในตลาดขณะที่การแข่งขันในตลาดชาเขียวยังไม่รุนแรงมากมายเท่าไหร่นัก เพราะชาเขียวพร้อมดื่มยังเป็นสินค้าที่ยังใหม่ในตลาดเมืองไทย คู่แข่งขันรายใหญ่ยังไม่ลงสู่ตลาด ยังรีรอยืนอยู่ด้านนอก คอยดูความแรงของตลาดชาเขียวพร้อมดื่มว่าจะเป็นเพียงแค่แฟชั่นหรือ Trend
หากเป็นแนวโน้มหรือตลาดเครื่องดื่มของตนเองทำท่าว่าจะหดตัวไปเรื่อยๆก็คงจะต้องกระโจนลงมาลุยเต็มๆเป็นแน่ ในช่วงเวลานั้นการแข่งขันของชาเขียวพร้อมดื่มจึงจำกัดอยู่แต่เฉพาะ 3 รายใหญ่เท่านั้น แม้จะมีชาเขียวพร้อมดื่มในตลาดอีกหลายยี่ห้อในตลาด ทว่าไม่มีน้ำหนักแต่อย่างใด
ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มคือการขับเคี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างโออิชิและยูนีฟเป็นหลักเท่านั้น
โออิชิเนื่องจากกำลังการผลิตค่อนข้างต่ำกว่าในระยะแรก ประกอบกับความไม่พร้อม ทำให้ยูนีฟสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้ อย่างไรก็ตามตำแหน่งผู้นำตลาดนั้นค่อนข้างเปราะบาง เพราะตัน ภาสกรนที แห่งโออิชิ ไม่ได้คาดคิดว่าตนเองจะอยู่ในตำแหน่งที่สองได้นานนัก เป้าหมายของโออิชิก็คือการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย
ตันเคยกล่าวไว้ว่า "เมื่อผมเห็นโฆษณายูนีฟชุดตัวหนอน ผมขนลุก เพราะโฆษณาดีจริงๆ ผมบอกกับตัวเองว่าต้องขึ้นเป็นที่หนึ่งให้ได้"
หลังจากนั้นเขาลงมาลุยตลาดเต็มตัว ขยายกำลังการผลิต ออกรสชาติใหม่ๆ สร้างช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ และเอาชนะขั้นเด็ดขาดได้ด้วยโปรโมชั่น รวยฟ้าผ่า 30 ฝา 30 ล้าน
น่าเสียดายที่ยูนีฟไม่สามารถรักษาแชมป์เอาไว้ได้ด้วยเหตุผลหลายประการ เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือไม่ Sense & Response ทำให้ปรับตัว ปรับกลยุทธ์ไม่ทัน สูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างไม่คาดฝัน
เซ็นชะ อยู่ในอันดับ 3 ณ วันนี้ตำแหน่งก็ไม่แน่นอนแล้ว เพราะคู่แข่งใหญ่ๆที่เพรียบพร้อมเข้าสู่ตลาดแล้ว สิ่งที่เซ็นชะที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือทำในสิ่งที่ยูนีฟไม่ทำคือรีบปรับกลยุทธ์และปรับตำแหน่งทางการใหม่ ยูนีฟนั้นพลาด ก็ยังเหลือส่วนแบ่งตลาดอีกเยอะ แต่ถ้าเซ็นชะพลาดก็หมายความว่าไม่เหลืออะไรเลย
การ Repositioning ทั้งตัว Product ตลอดจนใช้แผน IMC ครั้งนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะสิ่งที่เซนชะคิด แบรนด์อื่นก็กำลังจะทำเหมือนกัน งานนี้อายิโนะโมะโต๊ะ เหงื่อหยด
|
|
|
|
|