Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์30 กันยายน 2548
โฆษณาสำคัญหรือไฉน             
โดย ชัยสิริ สมุทวณิช
 


   
search resources

Advertising and Public Relations




พลังการโฆษณานั้นคงจะไม่ต้องกล่าวถึงให้มากนะครับว่ามีอิทธิพลสูงแค่ไหนที่จะดึงดูดความสนใจต่อลูกค้า เพราะหาไม่แล้ว งบประมาณค่าโฆษณาของแต่ละผลิตภัณฑ์คงจะไม่สูงลิบลิ่วกันทั่วโลก

นอกจากนี้ในธุรกิจบันเทิงก็เช่นกัน ภาพยนตร์แต่ละเรื่องนั้น กล่าวกันว่าใช้งบประมาณกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านขึ้นไปทั้งนั้น ค่ายเพลงก็ไม่เว้นครับ พวกมิวสิกวิดีโอก็เช่นกันละครับ จัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบการโฆษณาแบบหนึ่งก็ว่าได้นะครับ

เวลานี้บริษัทใหญ่ๆ เขามองว่าผู้ซื้อสินค้านั้นตัดสินใจที่จะซื้อสินค้า เมื่อเห็นแค่โฆษณากันแล้วละครับ ดังนั้นก็เลยถือว่าเมื่อลูกค้าเห็นแค่โฆษณาก็เท่ากับเป็น "จังหวะแรกแห่งข้อเท็จจริง" ได้เหมือนกันในกระบวนการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าเลยทีเดียว

และข้อเท็จจริงนี้เขาบอกว่าเมื่อลูกค้าเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและเห็นตัวสินค้า ก็จะใช้เวลาแค่ 3-7 วินาทีเท่านั้นเองที่จะเลือกสินค้าแล้วครับ นี่กล่าวสำหรับนักช้อปปิ้งในอเมริกานะครับ

สำหรับตัวกระผมเองนั้น ผมเลือกดูคุณภาพ น้ำหนัก เวลาที่ผลิตและเวลาหมดอายุของสินค้า และหากเป็นประเภทอาหารกระป๋องก็ดูด้วยว่ากระป๋องเป็นสนิมหรือมีอาการบุบสลายหรือไม่ รวมทั้งก็ต้องคอยฟังดูว่าสินค้าไหนเคยเป็นข่าวว่าเป็นสินค้าประเภทปนเปื้อนอะไรที่เป็นสารพิษหรือต้องห้าม รวมทั้งว่ามันผสมสารกันบูดมาบ้างหรือเปล่าอีกต่างหาก

จริงๆ แล้ว ธุรกิจโฆษณาในอเมริกานั้น เขาใช้เงินเป็นแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในการโฆษณาชวนเชื่อนะครับ นี่ว่ากันเฉพาะสินค้าประเภทคอนซูมเมอร์เท่านั้น

นอกจากนี้แล้วโฆษณาสมัยนี้ก็ใช้กรรมวิธีที่เตะตายิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดวางสินค้าให้ดึงดูดสายตามากกว่าเดิมครับ เช่น บริษัทใหญ่อย่างพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล เป็นต้น ซึ่งเวลานี้กำลังสร้างพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดวางสินค้าใหม่ๆ และต่อการทำโฆษณาแบบแหวกแนวขึ้นด้วย

ก่อนหน้านี้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ว่านี้ทำการตลาดแบบมวลชนอย่างเชี่ยวชาญมาก โดยเฉพาะการใช้วิธีการโฆษณาแบบมวลชนอันลือชื่อ
แต่บัดนี้เมื่อสื่อมีความหลากหลายและแบ่งสัดส่วนออกไปเป็นโทรทัศน์และการโฆษณาตามสื่อสิ่งพิมพ์และหนังสือพิมพ์มากขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ต้องปรับตัวและปรับสภาพครับ นั่นก็คือต้องหาทางให้สื่อเข้าหาผู้บริโภคแบบประชิดตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วิธีหนึ่งที่ได้ผลอยู่ที่ไหนได้ล่ะ ก็คือประสานระหว่างสื่อมวลชนกับการจัดวางตำแหน่งสินค้าที่อยู่ในร้านค้านั่นแหละจึงจะได้ผลที่สุด นี่แหละครับเป็นวิธีคิดแบบใหม่เลยทีเดียว

เพราะก่อนหน้านี้ พวกผู้บริหารการโฆษณาที่ออกโฆษณาในทีวีมักไม่ได้คิดถึงพวกทำโปรโมชั่นตามห้างสรรพสินค้า ว่ามีความสำคัญมากนักและคิดว่าอิทธิพลของสื่อนั้นน่าจะพอเพียงแล้ว แต่เวลานี้ผู้บริหารพวกนี้ซึ่งพอเข้าใจประสบการณ์เกี่ยวกับการขายเริ่มเข้าใจแล้วว่า เห็นทีจะต้องเพิ่มการทำงานและจัดตั้งแผนกใหม่ขึ้นมารองรับกิจการใหม่ๆ เสียแล้วครับ

แผนกใหม่นี้เข้าไปทำโฆษณาในห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียวละครับ และก็เข้าไปจัดระบบการวางสินค้าเสียเองด้วย รวมทั้งประสานการโฆษณาให้เหมือนกับระบบจัดวางสินค้าในห้างกับการโฆษณาที่ออกเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์เสียเลย คนจะได้ดูแล้วคุ้นตาเวลาเดินเข้าห้างไงล่ะครับ นี่แหละครับเป็นกรรมวิธีหรือเทคนิคซึ่งเหลือล้ำจินตนาการเสียยิ่งกระไร เพราะอะไรล่ะครับ นี่คือการจัดรูปแบบการโชว์สินค้า รวมทั้งการเข้าไปออกแบบศิลปะของกล่องใส่ผลิตภัณฑ์ด้วย ถ้าจำเป็นต้องทำ!

เห็นหรือยังครับ ว่ามันเป็นวิธีการที่ต่างไปจากรูปแบบจำเจหรือแบบเก่าๆ ของการตลาดในห้างสรรพสินค้าที่เคยทำกันมา แน่นอนครับว่า เอเย่นต์ซี่โฆษณาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อย่างมหาศาลที่จะต้องเข้าไปประสานงานกับหลายส่วนงานในห้างสรรพสินค้าและเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง

มีตัวอย่างที่จะเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

เช่น บริษัทวิลเลตต์ซึ่งผลิตที่โกนหนวดจะผลิตที่โกนใหม่สำหรับผู้หญิงเมื่อไม่นานมานี้ ก็ออกโฆษณาทางทีวีแค่เครือข่ายเดียวเท่านั้น แต่ก็มีพลังของสื่อมาก เพราะอะไรหรือครับ เพราะมันเป็นเครือข่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้าวอล-มาร์ท นั่นเองครับ ซึ่งหมายถึงเข้าถึงตัวผู้บริโภคโดยตรงและชัดเจน

คราวนี้อีกตัวอย่างหนึ่ง ทางพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ลจะวางตลาดผ้าอ้อมเด็กในตลาดอังกฤษ วิธีการก็คือให้ทำลูกบิดประตูเทียมไว้บนประตูห้องน้ำสตรีโดยให้อยู่สูงหน่อย เพื่อให้เกิดผลว่าพ่อแม่เด็กต้องเข้าว่าลูกๆ ต้องยืดตัวมากเพียงใด ซึ่งก็มีผลว่าการซื้อผ้าอ้อมนั้นต้องเอาแบบยืดหยุ่นได้มากพอด้วยครับ

เห็นไหมครับว่า วิธีการโฆษณานี้เป็นผลมหาศาลมากที่เปลี่ยนวิถีการโฆษณาได้ชัดเจน ก็คือ วิธีคิดของบริษัทวอล-มาร์ทไงละครับ เพราะวอล-มาร์ทนั้นติดตั้งทีวีเป็นเครือข่ายในห้างทุกห้างของวอล-มาร์ท ครับ อย่าลืมว่าห้างวอล-มาร์ทนั้นมีลูกค้าถึง 130 ล้านคนต่อเดือน

ดังนั้น จึงเป็นสื่อมวลชนในห้างใหญ่ที่สุดและถึงลูกค้ามากที่สุดครับ นี่ละครับวิธีการโฆษณาใหม่ล่าสุด เอเยนต์ซี่บ้านเราจะเลียนแบบไปใช้บ้างก็ไม่ว่าอะไรนี่ครับ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us