ทัวร์สีม่วงเมืองไทยเฟื่อง “หนุ่มใจหญิง” จากทั่วโลกทั้งออสเตรเลีย อังกฤษและกลุ่มประเทศยุโรป จองทัวร์แน่นตลอดทั้งปี เผยเลือกเมืองไทยเพราะปลอดภัย ดูแลใสใจ และยอมรับการมี “เซ็กส์”ได้อย่างเปิดเผย ระบุ สีลม-สุริวงศ์ เชียงใหม่ ภูเก็ต และกาญจนบุรี แหล่งฮิตติดปากชาวเกย์
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นแหล่งรายได้ที่นำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศมหาศาล โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในรูป “ทัวร์สีม่วง” ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบที่นิยมขณะนี้ จากรายงานวิชาวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก เรื่อง “Gay Tourism”ของ นาถวุธธิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นักศึกษาปริญญาโท วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวเกย์จากทั่วโลกนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆเนื่องจากส่วนใหญ่เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ความเอาใจใส่ และมีการยอมรับกลุ่มคนรักร่วมเพศค่อนข้างสูง
สำหรับรูปแบบการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวเกย์จากต่างประเทศเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์จะใช้บริการของบริษัททัวร์ในประเทศของตัวเองซึ่งประเทศที่มีการจัดทัวร์เกย์มากและเป็นที่นิยมมากที่สุด อันดับแรกคือทัวร์เกย์จากประเทศอังกฤษ โดยใช้ชื่อทัวร์ว่า “pink tour” ซึ่งบริษัททัวร์จะจัดแพ็คเกจเป็นกลุ่มๆละ 10-20 คน แตะละครั้งจะใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศครั้งละ 10-15 วัน
อันดับที่สองเป็นทัวร์เกย์จากประเทศออสเตรเลีย โดยจะจัดแพ็คเกจทัวร์เหมือนทัวร์ทั่วไปแต่จะใช้สัญญลักษณ์ที่ทำให้ทราบว่าเป็นเกย์ทัวร์คือการใช้ธงสีรุ้งแทนชื่อทัวร์ ส่วนใหญ่จะเดินมาเป็นกลุ่มละ 15-20 คน ส่วนอันดับที่สามเป็นทัวร์จากกลุ่มประเทศยุโรปและสแกนดิเนเวียน กลุ่มนี้จะไม่มีสัญญาลักษณ์พิเศษทำให้ดูเหมือนเป็นกลุ่มทัวร์ธรรมดาทั่วไปแต่เราจะสามารถสังเกตุได้คือภายในกรุ๊ปทัวร์นั้นจะไม่มีผู้หญิงอยู่เลย
“เดิมชาวเกย์นิยมไปเที่ยวที่กรุงอัมเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์และเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายและการให้บริการที่ค่อนข้างไม่ได้มาตรฐานจึงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในแถบเอเชียก่อน ปัจจุบันหันมาเที่ยวที่ไทย”
นาถวุธธิ์ บอกว่านักท่องเที่ยวเกือบ 90 % เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพราะต้องการจะมี “เซ็กส์”และบางรายต้องการที่จะหาคู่ ซึ่งเมืองไทยมีความปลอดภัยสูง ซึ่งกลุ่มเกย์ที่ซื้อทัวร์มาเที่ยวนั้นจะมาเป็นคู่หรือจะหาคู่ในกลุ่มทัวร์หรือบางคนตั้งใจที่จะมามีเพศสัมพันธ์กับเกย์ชาวไทยโดยตรง
อย่างไรก็ดีจากการศึกษา สัมภาษณ์ และสำรวจข้อมูลจากบริษัททัวร์พบว่าแหล่งที่ชาวเกย์หรือทัวร์เกย์ชอบเข้ามาพักคือโรงแรมมาเลเซีย ตั้งอยู่ถนนสีลม ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวเกย์ชอบไปเที่ยวในกรุงเทพฯ คือถนนสีลม สุรวงศ์ ส่วนต่างจังหวัดจะเป็น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และกาญจนบุรี
นอกจากนี้ศูนย์ข่าวภูมิภาคของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ ได้สำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวเกย์นิยมไปหาความสำราญและรับเฉพาะชาวเกย์ในหัวเมืองใหญ่ เช่นเชียงใหม่ มีมากกว่า 20 แห่ง ประกอบด้วย House of Male , Cherry House , Man Massage , My Way , Adam"s Apple , Doll Boy , Fan Club Sandy Bar , New Connection-Kit Kat Club, 7 Heaven , Imagination , Joe Boy , SPA LOMA เป็นต้น
ขณะเดียวกันแหล่งท่องเที่ยวของชาวเกย์ ยังได้มีการจัดแบ่งหมวดหมู่ดังนี้ GO GO BAR , GAY BAR, GAY ACCOMMODATION , SAUNAS and GYMS “ วารสารของกลุ่มเกย์ จะบอกแหล่งท่องเที่ยว และมีการระบุชัดเจนว่า มีเด็กผู้ชายไว้ให้บริการทั้งแบบประจำและฟรีแลนซ์” หนุ่ม (นามสมมติ) ไกด์หนุ่มชาวเกย์คนหนึ่ง ที่ให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวเกย์ ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ให้รายละเอียดว่า โปรแกรมการท่องเที่ยวของลูกค้าชาวเกย์ โดยมากจะเป็นนักท่องเที่ยวจากโซนยุโรป เมื่อไปเที่ยวสถานบริการต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีทั้งห้องซาวน่า ที่พร้อมบริการทาง sex สำหรับชาวเกย์โดยเฉพาะ
ส่วนสถานบริการแบบอโกโก้เกย์ ก็มีรูปแบบไม่แตกต่างไปจากอโกโก้ที่มีหญิงแท้เต้นโชว์ แต่สถานที่แห่งนี้จะมีชายแท้แสดงแทนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบริการ นวด-นาบ ให้กับสมาชิกชาวเกย์ด้วย
“รูปแบบการแสดงบนเวที บอกกันได้แต่เพียงว่า ถึงที่สุดแห่งอารมณ์ดำกฤษณาเลยทีเดียว” หนุ่ม บอก และย้ำว่าที่ ที่เชียงใหม่ มีซาวน่าที่รับเฉพาะคนในแวดวงเกย์ 2 แห่ง ที่ให้บริการอบซาวน่าแล้ว ยังมีชายหนุ่มไว้คอยให้บริการลูกค้าด้วย แต่มารยาทในสังคมชาวเกย์ จะไม่มีการซื้อขายกันโดยตรง การตกลงปลงใจที่จะแลกเปลี่ยนความสุขซึ่งกันและกันเป็นการชั่วคราว หรือถาวร จะขึ้นอยู่กับความพอใจเป็นที่ตั้ง เช่นเดียวกับสนนราคา ที่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจเป็นหลัก มีทั้งหลักพัน-หมื่นต่อคืน หรือต่อครั้ง
ส่วนสถานที่บริการประเภทห้องนวดร่างกายและอารมณ์ ที่โด่งดังในเชียงใหม่จะอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ชั้นบนสุดย่านสี่แยกศาลเด็ก ส่วนอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในย่านสันติธรรม ที่เป็นย่านโลกีย์ของเชียงใหม่ที่เติบโต และมีชื่อเสียงขึ้นมาพร้อม ๆ กับย่านกำแพงดิน ที่เป็น sex zone ซึ่งเป็นที่รู้จักของเชียงใหม่มาแต่อดีต โดยมีลูกค้าชาวเกย์มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของนาถวุธธิ์ และหนุ่มเกย์ ที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อตนเอง ระบุว่า ทัวร์ประเภทนี้ไม่มีโลว์ซีซัน หรือไฮซีซัน กรุ๊ปทัวร์จะมีเข้ามาตลอดทุกเดือน อาจจะไม่มากนัก แต่รายได้ของผู้ให้บริการในแวดวงนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีทีเดียว เช่นไกด์นำเที่ยว โดยทั่วไป ไกด์จะมีรายได้เฉลี่ย 300-500 บาท/วัน บวกกับค่าน้ำที่จะได้จากร้านค้าที่พานักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการอีกราว 15-20% ตามแต่วงเงินที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าหรือบริการแต่ละครั้ง แต่สำหรับไกด์ทัวร์เกย์ จะมีค่าตัวสูงไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/วัน ค่าน้ำร้อนน้ำชานอกเหนือจากนั้นไม่ต้องพูดถึง
“ วิกกี้” ผู้จัดการร้านคอนเน็ก ซึ่งเป็นเกสเฮ้าส์สำหรับชาวเกย์โดยเฉพาะเพียงแห่งเดียวในภูเก็ต ให้รายละเอียดว่า ขณะนี้กลุ่มชาวเกย์ที่เดินทางมายังภูเก็ตมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง
ปัจจุบันทางร้านได้มีการจัดกรุ๊ปทัวร์เฉพาะชาวเกย์และเลสเบียนขึ้นในทุกวันเสาร์โดยลูกค้าจะเสียค่าบริการคนละ 1500 บาทต่อคนต่อวัน โดยจะจัดกิจกรรมพาลูกค้าไปชมปะการังที่เกาะไข่เล็กและเกาะไข่ใหญ่ และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย
“ต้องยอมรับว่าตลาดทัวร์ของชาวเกย์กำลังเติบโตและขยายตัวต่อเนื่อง ที่ภูเก็ตตอนนี้มีถนนชาวเกย์ที่มีแหล่งบันเทิงที่เกี่ยวเนื่องกับชาวเกย์ทั้งซอยทั้ง อะโกโก้บอยที่มีถึง 4 แห่ง คาบาเรต์ 4 แห่ง บาร์เบียร์ อีกนับสิบแห่ง”
วิกกี้ บอกอีกว่า ทัวร์เกย์ ที่ได้ชื่อว่าเป็น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ไม่มีโลว์-ไฮซีซัน ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ก็ไม่ร้างราลูกค้า แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่จ่ายหนักที่สุด ค่าตัวไกด์-เด็ก ฯลฯ แพงที่สุดเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย
|