|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทิสเวิลด์ไวด์ ชูนโยบายไทยเป็นศูนย์กลางผลิตอาร์ทีดี 100 ยี่ห้อจากทุกมุมโลก ดอดเจรจาซื้ออาร์ทีดี ดร.เธิร์ทตี้ มาผลิตในประเทศ เลี่ยงภาษีนำเข้าสูงถึง 300% พร้อมปั้นราคาใหม่เหลือ 60 บาท จาก 112 บาท ทุ่ม 10 ล้านบาท เปิดตัวไนท์ สปู้กกี้-เดวิลช่วงวันฮาโลวีน
นายเทพอาจ กวินอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิสเวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (1997) จำกัดผู้ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์พร้อมดื่มหรืออาร์ทีดีไนท์และครุยเซอร์ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทต้องการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มอาร์ทีดีรายใหญ่ มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่ 100 ยี่ห้อ อีกทั้งยังต้องเป็นสินค้าที่ลักษณะเฉพาะตัวที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ในแต่ละประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เฉพาะเจาะจง
ล่าสุดบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์พร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ "ดร. เธิร์ทตี้" ซึ่งเป็นแบรนด์จากประเทศอังกฤษที่เคยนำเข้ามาทำตลาดปลาย ปี 1997 แล้วหยุดทำตลาดไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้ เนื่องจากเจ้าของหันไปทำธุรกิจหลักคือเบียร์ และผับบาร์ จำนวน 400 แห่งมากขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมาสินค้าราคาถึง 112 บาท เมื่อเทียบกับอาร์ทีดีแบรนด์อื่นราคาเพียง 60 บาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีหน้า บริษัทจะเริ่มผลิตอาร์ที่ดียี่ห้อ ดร. เธิร์ทตี้ในประเทศได้ ทั้งนี้ การซื้อแบรนด์ ดร.เธิร์ทตี้มาผลิตในประเทศ ไทยเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางภาษีที่สูงถึงกว่า 300% ลงเหลือประมาณ 80% ทำให้สามารถลดราคาขายปลีกต่อขวดลงได้ขวดละ 60 บาทจากเดิม ขายอยู่ที่ 112 บาทต่อขวดตรงนี้ถือเป็นโอกาสและความได้เปรียบของทิสฯ
สำหรับแผนทำตลาดเครื่องดื่ม อาร์ทีดีของบริษัท ล่าสุดได้ทุ่มงบ 10 ล้านบาท เปิดตัวไนท์รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น 2 ชาติ คือ สปู้กกี้ และเดวิลจำหน่าย ขวดละ 49 บาท จากปกติราคาไนท์ขายขวดละ 43 บาทเพราะมีจำนวนจำกัดแค่ 1 แสนขวดหรือ 8,000 ลังในช่วงเทศกาลฮาโลวีนเป็นครั้งแรก สำหรับจุดเด่นของ 2 ตัวนี้ คือสปู้กกี้มีสีขาวเมื่อดื่มแล้วรู้สึกเย็นในลำคอ ส่วนเดวิลจะให้ความรู้สึกร้อน แตกต่างจากอาร์ทีดีที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาด
การเปิดตัวสินค้ารุ่นลิมิเต็ด เป็นการสร้างสีสันและเน้นการทำกิจกรรมพิเศษเทศกาลฮาลโลวีน ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ณ ร้าน Booze ทองหล่อด้วยการจัดปาร์ตี้ผี และคอนเสิร์ตโจอี้ บอย ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เตรียมนำสินค้ารุ่นลิมิเต็ด ทั้งสองรสชาติไปจำหน่าย 12 ประเทศ ในแถบเอเชียและยุโรป โดยคาดว่าหลังจากเปิดตัว 2 รสชาติใหม่นี้จะทำให้ตลาดอาร์ทีดีช่วงระยะเวลา 3 เดือนมีสีสันเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะผู้ชาย
ปัจจุบันกลุ่มผู้ดื่มจะนิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสชาติเข้ม แต่กลุ่มเป้าหมายของเครื่องดื่มอาร์ทีดี ส่วนใหญ่ 90% เป็นผู้หญิงที่เหลือ 10% เป็นผู้ชาย ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายในอนาคต สัดส่วนกลุ่มลูกค้าผู้ชายขยับ ขึ้นเป็น 40% ที่เหลือ 60% กลุ่มผู้หญิง จากเดิมกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก และสิ้น ปีนี้ตั้งเป้าไนท์จะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 30% จาก 25% และขยับขึ้น 35% ในปี 2550
ผลประกอบการปีนี้ บริษัทมีอัตราการเติบโต 15% และมีส่วนแบ่ง จากทุกยี่ห้อรวมกัน 50% ในตลาดอาร์ทีดี ปัจจุบันตลาดอาร์ทีดีมีมูลค่า 1,200 ล้านบาทนั้นมีอัตราการเติบโต คงที่ หลังจากเคยมีอัตราเติบโตสูงสุดในปี 2545 ด้วยมูลค่าถึง 1,500 ล้านบาทเนื่องจากเป็นเครื่องดื่มมีสีสันและเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยก่อนหน้านี้เครื่องดื่มผสมพร้อมดื่ม เข้ามาทำตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2540 ต่อจากนั้นขยับตัวอย่างก้าวกระโดด และลดลงเรื่อยจนเหลือ 1,200 ล้านบาทในปีนี้
|
|
|
|
|