|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บอร์ดตลท.สานนโยบายรมว.คลัง ดันมาร์เกตแคป 5 ปีสูง 2 เท่าของปัจจุบัน นัดถก 5 ต.ค. ดึงบริษัทใหญ่ในเอเชียเข้าเทรด พร้อมตั้งเป้าปีหน้าหุ้นเข้า SET 60-70 บริษัท ส่วน mai 30 บริษัท ส่วน "เบียร์ช้าง" เชื่อที่ปรึกษาฯตรวจสอบกฎเกณฑ์ ตลท. ก่อนยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. "ก้องเกียรติ" เผยแบ่งงาน 12 หัวข้อจัดสรรแต่ละองค์กรรับผิดชอบ นัดหารือรอบใหม่ 11 ต.ค.นี้
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ต.ค. นี้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะมีการหารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 2 ซึ่งจะเป็นการสานต่อนโยบายของนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังที่กำหนดกรอบในการพัฒนาตลาดทุนไว้ในช่วงเวลา 5 ปี (2549-2553) รวม ทั้งเป้าหมายมูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ของตลาดหลักทรัพย์ใน 5 ปีสูงกว่าปัจจุบัน 2 เท่า
การประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่างแผน พัฒนาตลาดทุนได้แบ่งงานของแต่ละหน่วยงานในการ รับผิดชอบ ทั้งจำนวนบริษัทจดทะเบียนและการเข้า และจำนวนนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงพัฒนาด้านส่งเสริมบรรษัทภิบาล ทรัพยากรบุคลากร และตลาดตราสารหนี้
สำหรับแนวทางในการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนเบื้องต้นอาจจะมีการดึงบริษัทขนาดใหญ่ (Gobol brand) ในภูมิภาคเข้ามาจดทะเบียนในตลาด เพื่อให้มีมาตราฐานที่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ และเข้าสู่ระดับสากล
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการในการจูงใจเพื่อกระตุ้นความน่าสนใจที่จะให้บริษัทในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะมีการหารือเกี่ยวกับแผนงานตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2549 ด้วย โดยในปีหน้าตลท.ตั้งเป้าที่จะมีบริษัทที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 100 บริษัท โดยแบ่งเป็นการเข้าจดทะเบียนในตลาด-หลักทรัพย์ฯจำนวน 60 บริษัทและตลาดเอ็มเอไอ 40 บริษัท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ 65 บริษัทแบ่งเป็นตลาด-หลักทรัพย์ฯจำนวน 50 บริษัท และตลาดเอ็มเอไอจำนวน 15 บริษัท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 3 เดือนที่เหลือ ของปีนี้จะมีบริษัทที่พร้อมยื่นแบบแสดงรายการ ข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประมาณ 30 บริษัท ขณะที่ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.ให้สามารถกระจายหุ้นรวมถึงได้รับการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฯให้ระดมทุนได้ประมาณ 10 บริษัท แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดช่วงเวลาที่จะเข้าซื้อขายเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะร่างแผนแม่บท พัฒนาตลาดทุน ฉบับที่ 2 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาได้ประชุมหารือกับสมาชิก รวมถึงหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้กำหนดแบ่งงานให้กลุ่มสมาชิก 12 หัวข้อ พร้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดความชัดเจนก่อนนำมาเสนอให้ที่ประชุมอีกครั้ง 11 ต.ค.
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า ในส่วนงานของสมาคมฯได้รับมอบหมาย 2 เรื่อง คือ 1. การขยายฐานนักลงทุน ซึ่งจะเป็นแกนนำและหารือกับทั้ง 5 หน่วยงานที่เป็นสมาชิกสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนำเสนอแผน2. เรื่องการพิทักษ์สิทธินักลงทุน โดยในเรื่องนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯและสำนักงาน ก.ล.ต.จะเป็นแกนนำจัดทำรายละเอียด
นางสาวโสภาวดียังกล่าวถึงกรณี บริษัทไทยเบฟเวอรเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ เบียร์ช้าง เชื่อว่าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินน่าจะตรวจสอบกฎเกณฑ์ ของตลท.แล้วก่อนที่จะยื่นไฟลิ่งไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่เคยมีบริษัทใดที่พิจารณาผ่านสำนักงาน ก.ล.ต. แล้วไม่ผ่านเกณฑ์ของ ตลท. เพราะการตรวจสอบกฎเกณฑ์ของตลท.ทำได้ก่อนหน้าที่จะยื่นไฟลิ่ง
ส่วนประเด็นคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจะต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคม เรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือการตีความที่แตกต่าง กันในเรื่องเดียวกัน ตลท.จึงตัดกฎเกณฑ์นี้ให้ทาง ก.ล.ต.เป็นผู้พิจารณาแห่งเดียว
"คงเป็นเรื่องยากหาก 2 หน่วยงานมีกฎเกณฑ์ เดียวกัน เพราะอาจจะตีความในเรื่องเดียวกันต่างกัน" นางสาวโสภาวดีกล่าว
|
|
|
|
|