|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผ่าทางตันอุตสาหกรรมไทยนโยบายรัฐต้องปรับเปลี่ยน รับมือให้ทันกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยเฉพาะ FTA หวั่น ขาดดุลฯเพิ่มมากขึ้นเหตุไทยไม่ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ นโยบายพัฒนาเครื่องจักรและโลหการที่เป็นต้นทุนอุตฯทั้งระบบในอดีตพลาดทำให้ต้องนับหนึ่งใหม่ เอกชนจี้ใช้จังหวะนี้เร่งปรับตัวหวั่น 2 ปีจะลำบาก ชี้แนวโน้ม ดบ.น้ำมัน ค่าแรง เงินเฟ้อขยับเพิ่มทุกด้าน เตือนส่งเสริมอุตฯโตเร็วต้องระวังเรื่องย้ายฐานผลิต
วานนี้ (29 ก.ย.) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดสัมมนาเรื่อง "ความท้าทายของอุตสาหกรรมไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก" ซึ่งมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติกล่าวเปิดการสัมมนา
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า แม้ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยจะต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้านโดยเฉพาะต้นทุนที่เพิ่มจากระดับราคาน้ำมันสูงขึ้นแต่การส่งออกก็ยังคงขยายตัวตามเป้าหมายในปีนี้เฉลี่ย 15-16% อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA กำลังทำให้ไทยเริ่มมีภาวะการ ขาดดุลทางการค้ามากขึ้น เนื่อง จากอุตสาหกรรมไทยแม้จะส่งออกเพิ่ม แต่กลับต้องนำเข้าวัตถุดิบ และเครื่องจักรเข้ามามาก
"นโยบายปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมถือว่าเป็นสิ่งดี แต่จะต้องทำให้ดีขึ้นกว่านี้ ทำอย่างไรให้ลดใช้พลังงานเพื่อลดการนำเข้า ลดการนำเข้าสินค้าทุน เชื่อมโยงอุตสาหกรรม เพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่เป็นรัฐบาลเดียว นโยบายเดียวจะมีส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมไทยได้อย่างมาก แต่ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนรัฐมนตรีอุตสาหกรรมถึง 6 ท่าน นโยบายบางอย่างก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หากอุตสาหกรรมไทยไม่มีการปรับตัวอีก 2 ปีทุกอย่างก็จะลำบาก"
ทั้งนี้ การเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ ควรมองภาพรวมและต้องทำรายละเอียดว่าอุตสาหกรรมใดได้เปรียบ-เสียเปรียบ และหามาตรการรองรับว่าจะให้อุตสาหกรรมที่เสียเปรียบและในที่สุดแข่งขันไม่ได้ไปอยู่ในจุดใดไม่ใช่ทิ้งไปเลย ขณะเดียวกันก็จะต้องแบ่งกลุ่มสนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กลาง และเล็กที่ต่างกันไม่ใช่ใช้นโยบายเดียวกันไปหมด ซึ่งนโยบายรัฐมีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กับการปรับตัวของเอกชน ตัวอย่างความผิดพลาดของนโยบาย ที่ปัจจุบันมีผลให้อุตสาหกรรมไทยพัฒนาช้าคือ การไม่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องจักรและโลหการ และทำให้อุตสาหกรรมนี้ตายไปก่อนหน้าด้วยการไปทำให้ภาษีนำเข้าจากต่างประเทศถูกแต่วัตถุดิบในประเทศแพง ในที่สุดอุตสาหกรรมนี้ของคนไทยต้องตายไปและรัฐเพิ่งจะเริ่มมาฟื้นฟู
จี้ก้าวให้ทันกระแสการค้าโลก
นายสมภพ อมาตยกุล รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันคาดว่าจะทรง ตัว ระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่า จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มตาม และแน่นอนว่าจะสะท้อนมายังค่าแรง ดังนั้นต้นทุนของอุตสาหกรรมมีทิศทางปรับขึ้นตลอดเวลา ขณะที่อุตสาหกรรมไทยที่มีอัตราเติบโตส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ย้ายฐานมาจากต่างประเทศและมาอาศัยค่าแรงที่ต่ำของไทย เช่น ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ ชิ้นส่วนฯ เหล่านี้ต้องระวังเพราะท้ายสุดก็จะมีการย้ายฐานออกไปอีกไม่มีความแน่นอน ขณะเดียวกัน ศูนย์กลางการค้าก็เริ่มเปลี่ยนไปจากอดีตตลาดใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯ และยุโรป แต่ปัจจุบันเริ่มย้ายมาอยู่ยังจีน และอิเดีย ดังนั้นเอกชนและรัฐบาลจะมัวไปส่งเสริมอุตสาหกรรมที่โต หรือตลาดที่โตในอดีตไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ต้นทุนของประเทศที่ผ่านมามีเพียง ค่าแรง ทรัพยากรธรรมชาติ เงินทุน แต่ขณะนี้มีหลายปัจจัยเข้ามา มีส่วนอย่างมาก ทั้งการจัดการ คุณภาพแรงงาน สิ่งแวดล้อม ฯลฯ และปัจจุบันมองกันถึง Value Innovation หรือการเพิ่มมูลค่าจาก การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ ซึ่งปัจจัยนี้เป็นสิ่งท้าทายสำหรับไทยที่ต้องพร้อมรับมือกับกระแสการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก หาก 5 ปีไทยไม่เร่ง ปรับตัวอุตสาหกรรมไทยจะแข่งขันได้ยาก
|
|
|
|
|