ตลท. เตรียมส่ง บล.อินเทลวิชั่น ให้ ก.ล.ต.สอบเชิงลึก หลังส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบหากพบว่าทำรายการบิ๊กล็อตหุ้นปิคนิคไม่เหมาะสม "สุทธิชัย" ยอมรับไม่ง่ายเพราะมีเหตุผล มากมาย ส่วน EWC APURE หากยังไม่ปกติอาจโดนห้ามเน็ตเซตเทิลเมนต์ และมาร์จิ้นต่อ ด้านราคา หุ้นทีพีไอวานนี้ผันผวนทรุดตัวลงดึงภาวะตลาดรวมวูบตามหลังไม่ชัดเจนเงินเพิ่มทุนอำนาจบริหาร ปตท. "ขุนคลัง" ยังมั่นใจแก้ปัญหาทีพีไอ ได้นัดถกหาทางออกวันนี้ 10.00 น.หลังเลื่อนมา 1 รอบ

นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวถึงกรณีการซื้อขายรายการใหญ่หรือบิ๊กล็อต ในหุ้นบริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 4.21 ล้านหุ้น ในราคา 13.19 บาท ขณะที่ราคาในกระดานอยู่ที่ระดับ 2.74 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินเทลวิชั่น จำกัด เป็นผู้ทำรายการซื้อขายบิ๊กล็อตดังกล่าว โดยขณะนี้ ตลท. ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ในเรื่องดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ คงต้องรอการชี้แจงจาก ทางบริษัทเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นว่า ราคาที่มีการทำรายการทำไมแตกต่างจากราคาที่มีการซื้อขายในกระดานมาก โดย ตลท.จะต้องเข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับการส่งมอบว่ามีจริงหรือไม่ รวมถึง การชำระราคา และชื่อบุคคลที่ทำรายการซื้อขาย ซึ่งโอกาสในการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยาก เพราะหากเกิดจากการตกลงระหว่างผู้ซื้อผู้ขายก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด

ส่วนเรื่องการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของการซื้อขายในครั้งนี้ หากข้อมูลที่ได้รับระบุชัดเจนว่าการทำรายการดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล ทั้งเรื่องการสร้างราคา หรือการกำกับดูแลของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ก็มีมาตรการลงโทษ และอาจจะส่งเรื่องต่อให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อพิจารณาตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

"มีหลายเหตุผลที่ราคาซื้อขายของบิ๊กล็อตอาจจะสูงหรือต่ำกว่าราคาในกระดาน การที่ราคาสูงอาจจะเป็นเพราะความต้องการหุ้นในจำนวนมากของผู้ซื้อขณะที่ปริมาณการซื้อขายต่อวันไม่เพียงพอราคาที่เสนอจึงต้องตั้งราคาเสนอซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาในกระดาน ขณะที่การซื้อบิ๊กล็อตในราคาต่ำกว่า ราคาในกระดานอาจเป็นเพราะความต้องการขายในจำนวนที่มาก จึงต้องทำให้มีการลดราคาจากราคาหุ้นในกระดาน"นายสุทธิชัยกล่าว

นายสุทธิชัยกล่าวอีกว่า หน้าที่ของบริษัทหลัก-ทรัพย์ 3 เรื่องหลัก คือ 1.การปฏิบัติตามกฎของ ตลท. และสำนักงาน ก.ล.ต. 2.จริยธรรมของบริษัทในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะเรื่องบรรษัทภิบาล 3.การปฏิบัติที่ดีต่อลูกค้าของบริษัท

นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับบิ๊กล็อตของ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่ราคาที่เกิดขึ้นก็ถือว่าสูงกว่าราคาในกระดานมากคงต้องตรวจสอบเหตุและผลของการกำหนดราคาดังกล่าว

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไม่จำเป็นต้องขึ้นเครื่องหมาย ห้ามทำการซื้อขาย เพราะการซื้อขายอยู่นอกตลาดไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดาน

สำหรับหุ้น บมจ.อีสเทิร์นไวร์(EWC) และวอรแรนต์ (EWC-W1) รวมถึง บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) และวอร์แรนต์ (APURE-W1) ที่ ความเคลื่อนไหวยังผันผวนแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีมาตรการห้ามซื้อขายเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้นก็ตาม โดยตลท.จะพิจารณาเกี่ยวกับการห้ามเน็ตเซตเทิลเมนต์และมาร์จิ้นต่อไปอีกหรือไม่นั้นคงต้องรอให้ถึงวันที่ครบกำหนดก่อน ซึ่งหากพบว่าการซื้อขายยังผิดปกติก็อาจจะสั่งห้ามเน็ตเซ็ตเทิลเมนต์และมาร์จิ้นต่อไป

อนึ่ง หุ้น EWC ได้ห้ามซื้อขายด้วยมาร์จิ้นและเน็ตเซตเทิลเมนต์ จนถึงวันที่ 4 ตุลาคม ขณะที่หุ้น APURE ได้กำหนดจนถึงวันที่ 5 ตุลาคม

นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายบิ๊กล็อตในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรู้ข้อมูลตามที่ได้มีข่าวลงในหนังสือพิมพ์เท่านั้น เนื่องจากการซื้อขายดังกล่าวนั้นเป็นการซื้อขายกันเองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายหุ้น ซึ่งเป็นการตกลงกันนอกตลาด จึงทำให้สามารถกำหนดราคาซื้อขายกันเองได้โดยไม่มีเพดานราคา

ทั้งนี้ การซื้อขายที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการซื้อขายที่ ไม่ถึง 1% ของปริมาณหุ้นทั้งหมด (1,467.67 ล้านหุ้น) โดยในการซื้อขายนั้นเป็นเรื่องของความพึงพอใจระหว่างบุคคลที่มองเห็นว่าหุ้นตัวนั้นมีศักยภาพเพียงพอกับการลงทุน

"ในความคิดเห็นคาดว่าการซื้อขายหุ้นดังกล่าว นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของบริษัท เพราะ เป็นการซื้อขายตามการตัดสินใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยที่บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง" นายณัฐชัยกล่าว

ด้านแหล่งข่าวจากผู้ถือหุ้นใหญ่บล.อินเทลวิชั่น เปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องการทำธุรกรรมบิ๊กล็อตหุ้นปิคนิคดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าทางฝ่ายผู้บริหารดำเนินการ ไปตามปกติ แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดปัญหาขึ้นเชื่อว่า ผู้บริหารจะรายงานให้ทราบ

สำหรับราคาหุ้นวานนี้(29 ก.ย.) PICNI ปิดที่ 2.68 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 2.68% มูลค่าการซื้อขาย 395.72 ล้านบาท ทีพีไอป่วนตลาด

ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ วานนี้ (29 ก.ย.) แกว่งตัวผันผวนส่งผลกระทบภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากกรณีที่ยังไม่สามารถสรุป เรื่องเงินเพิ่มทุน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถออกจากแผน ฟื้นฟูและต้องเลื่อนระยะเวลาแผนออกไปอีก 1 ปี

โดยราคาหุ้นทีพีไอเปิดตลาดที่ 14.20 บาท จาก มีแรงขายออกมากดราคาหุ้นทรุดตัวต่ำสุดที่ 13.70 บาทก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาดันราคาขึ้นไปปิดที่จุดสูงสุด 14.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,521 ล้านบาท ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยปิดซึมลง 0.37 จุด มาปิดที่ 722.83 จุด หรือ 0.05% มูลค่าการซื้อขาย 16,971.48 ล้านบาท

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลัง เปิดเผยถึงกรณีแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาห- กรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ว่า จะมีการยืดระยะเวลาบริหารแผนต่อไปหรือไม่นั้น คง ต้องรอดูผลคำชี้แจงของคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ อีก ครั้ง ในวันนี้(30 ก.ย.) ที่จะมีการหารือกับผู้บริหารแผนฯ

"ในการชี้แจงนั้นจะต้องฟังขั้นตอนและความคืบหน้าของแผนฟื้นฟูฯอีกครั้งว่าจะมีการตัดสินใจอย่างไรต่อไป ส่วนจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น TPI หรือไม่นั้นต้องรอดูวันพรุ่งนี้ก่อน" นายทนงกล่าว

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น ทีพีไอ หากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถใส่เงินลงทุนได้ทันตามกำหนดอายุแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 นี้ โดยกล่าวแต่เพียงสั้นๆ ว่า จะต้องนัดหารือกับผู้บริหารแผนฯ ถึง แนวทางในการแก้ไขปัญหาเสียก่อนว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในรูปแบบไหนเสียก่อน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า วานนี้ (29 ก.ย.) ผู้บริหารแผนฯไม่สามารถมาตามนัดได้ เพราะติดภารกิจอื่น อย่างไรก็ตาม ได้มีการติดต่อนัดเวลาหารือกันอีกครั้ง ที่กระทรวงการคลัง ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้