|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ตุลาคม 2548
|
|
หลายครั้งที่อ่านเว็บบอร์ดแล้วพบเนื้อหาที่ไม่ควรถูกปล่อยให้เก่าลับหายไปตามตัวกระทู้ เว็บบอร์ด Thai Value Investor ที่ thaivi.com ได้คัดกระทู้ที่ทั้งได้รับความนิยมสูง และผู้ดูแลเว็บเห็นว่าดี ออกมาเป็นบทความแยกไว้ในอีกส่วนหนึ่ง
เนื้อหาในส่วนนี้อาจจะพ้นสมัยไปบ้าง แต่หลักคิดการลงทุนหรือการ "เล่นหุ้น" ที่อยู่ในนี้กลับใช้ได้ดีเป็นที่ยอมรับเสมอมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว นี่อาจสะท้อนว่านักลงทุนไม่ควรสนใจเพียงแค่กระแสข่าวช่วงนั้นๆ แต่ต้องสร้างหลักการและวินัยในการเล่นหุ้นด้วย
www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=9454
ดัง 15 นาที (จากบทความของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร)
บทความนี้ยกคำพูดของนักวาดรูป ศิลปินป็อปอาร์ตชื่อดัง แอนดี้ วอร์ฮอล ที่พูดไว้ว่าในช่วงชีวิตของคนเรานั้น ทุกคนมีโอกาสดังอย่างน้อย 15 นาที นักร้อง นักแสดงเป็นร้อยเป็นพัน มีผลงานร้องเพลง 1-2 อัลบัม หรือแสดงหนังเพียงไม่กี่เรื่องแล้วก็หายหน้าหายตาไป เขาเหล่านั้นอาจจะยังไม่โดดเด่นจริง
ดร.นิเวศน์ ผู้เขียนโยงในตอนจบว่านักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าหุ้นตัวไหนเป็นประเภทหุ้นดัง 15 นาที และหุ้นตัวไหนเป็นหุ้นที่ดังเพราะเป็นกิจการที่โดดเด่น
www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=7187
กำแพงแห่งความกังวล (จากบทความของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร)
ผู้เขียนยกคำเปรียบเปรยโด่งดังที่น่าสนใจและเห็นภาพ ว่าหุ้นนั้น "ปีนกำแพงแห่งความกังวล" อยู่ตลอดเวลา คือถ้าคนยังวิตกกังวลอยู่หุ้นจะขึ้นไปได้ เมื่อใดที่คนลงทุนในหุ้นอย่าง "ไร้กังวล" อย่างที่เกิดขึ้นปลายปี 46 เมื่อนั้นหุ้นจะตกอย่างน่ากลัวที่สุดจริงๆ
นักวิเคราะห์และนักลงทุนบางคนมองว่าภาวะแวดล้อมของประเทศไทย ณ วันนี้ดูไม่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเลย คำตอบคือ อย่ากลัวจนทิ้งตลาดหุ้น เพราะหุ้นจะขึ้นได้ต้อง "ปีนกำแพงแห่งความกังวล"
www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=12577
กฎแห่งการลงทุนของนักลงทุนระยะสั้น
เป็นกระทู้ที่มีผู้แปลสรุปกฎการลงทุนที่คิดค้นโดย Victor Sperandeo ผู้ที่มีชื่อเสียงในฐานะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น Wall Street มาตลอดระยะเวลา 23 ปี
สรุปย่อหลักเด่นๆ บางข้อ ได้แก่
- รู้จักตัวเองและปฏิบัติตามแผนที่ตนเองวางไว้
- เล่นหุ้นตามแนวโน้มของตลาด
- วางแผนตัดขาดทุนเมื่อไม่เป็นตามคาด
- ไม่มั่นใจควรหยุดรอนอกตลาด
- เมื่อหุ้นขึ้นให้ขายช้า เมื่อหุ้นตกให้ขายเร็ว
- ช่วงต้นของตลาดกระทิงให้ทำตัวเป็นนักลงทุน ช่วงท้ายให้เป็นนักเก็งกำไร
- อย่าซื้อถัวเฉลี่ย เพราะจะทำให้ขาดทุนเพิ่มมากขึ้น
- อย่าซื้อเพราะเห็นราคาต่ำ อย่าขายเพราะเห็นราคาสูงโดยไม่พิจารณาปัจจัย
- ลงทุนในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เพราะเสถียรกว่า
- อย่าลงทุนในช่วงปลายตลาดขาขึ้น
- อย่าเชื่อข่าวลือ
- วิเคราะห์ปรับปรุงความผิดพลาด
- รอจังหวะอย่างอดทน
www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=6177
ชั่วโมงเซียน
ยกบทความที่ย้อนปรัชญาเล่นหุ้นของ "โกศล ไกรฤกษ์" อดีตนักลงทุนรายใหญ่ผู้โด่งดัง เช่น "อย่าไปแตะต้องหุ้นสถาบันการเงิน เพราะไม่มีวันรวยได้นาน", "ลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดี", "สืบประวัติผู้บริหารว่าซื่อสัตย์", "ลดต้นทุนให้ต่ำลงตลอดเวลา คือรู้จักดึงเงินทุนออกเหลือเอาไว้แต่กำไร", "อย่าโลภ", "ต้องรู้ไส้รู้พุงหุ้น"
ในช่วงที่ตลาดหุ้นลงมามากๆ โกศลเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหุ้นดีราคาถูกเก็บเอาไว้ ด้วยคำพูดเด็ดที่ว่า "ถ้าไม่เล่นเก็งกำไรซะอย่าง ไม่ต้องไปกลัวเจ๊ง แต่ขอเตือนว่าอย่าไปเชื่อโบรกเกอร์มากไอ้พวกนี้มันหวังค่าต๋ง ใครเชื่อมันรับรองว่าเจ๊งหุ้นหมด"
www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=7318
จัดอันดับหุ้น (จากบทความของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร)
บทความนี้แจกแจงวิธีคิดในการให้คะแนนหุ้นโดยดูอย่างรอบด้าน เพื่อนำคะแนนไปเปรียบเทียบกันระหว่างหุ้นต่างๆ
1. กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังโตจะได้คะแนนมาก แต่นี่ก็ต้องดูว่าเป็นการโตของหน่วยการขายไม่ใช่โตเพราะราคาสินค้าปรับตัวขึ้นตามวัฏจักร
2. ฐานะทางการตลาดของบริษัทว่าแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเป็นบริษัทที่มียอดขายอันดับหนึ่งและส่วนแบ่งมากก็ได้คะแนนสูง
3. ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของกิจการดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน อย่างน้อยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
4. บริษัทที่มีเงินสดเหลือและไม่มีหนี้ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินจะได้คะแนนดี
5. การเจริญเติบโตของยอดขายและกำไร ถ้าเพิ่มขึ้นเร็วน่าประทับใจ คะแนนที่ได้ก็รับไปเต็มๆ
6. ความน่าเชื่อถือของผู้บริหารทั้งในด้านของการดูแลกิจการและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย
สุดท้ายคือราคาหุ้นซึ่งเป็นคะแนนที่สูงมาก เพราะไม่ว่าบริษัทจะได้รับคะแนนดีแค่ไหน ถ้าหุ้นมีราคาสูงเกินไป อย่างไรก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
|
|
|
|
|