ผู้หญิงผิวขาว รูปร่างค่อนข้างสูง วัย 40 ปี หน้าตาอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง
ในชุดกระโปรงและเสื้อเชิ้ตลายตารางสีอ่อนหวาน แต่ดูทะมัดทะแมง ที่เดินเข้ามา
แนะนำตัวคือ วรรณี เจียรวนนท์ รอสส์ ลูกสาวคนโตของพี่น้องทั้งหมด 5 คน ของธนินท์
และคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ เธอคือเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ ในโครงการธนาซิตี้
โครงการพัฒนาที่ดิน ที่ในอดีต คีรี กาญจนพาสน์ เคยวาดหวัง ไว้ว่าจะสร้างให้เป็นเมืองใหญ่สมบูรณ์แบบ
บนถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 14
บางส่วนของสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ที่เคยถูกทิ้งร้าง ถูกปรับปรุงเป็นอาคาร เรียนสองชั้นที่น่ารัก
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ โรงเรียนคอนคอร์เดียน เปิดสอนแบบสหศึกษาไป-กลับ
ปีละ 3 ภาคเรียน เริ่มรับในชั้นอนุบาล เทอมแรก เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2544
ที่ผ่านมา มีนักเรียนเพียง 30 คน และปัจจุบันมีนักเรียนเพิ่มเป็น 115 คน
นับเป็นอัตราเพิ่มที่ค่อนข้างรวดเร็วอย่างมากๆ ทีเดียว
ความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของวรรณี ที่ตั้งใจจะสรรค์สร้างเยาวชนให้มีความรู้ควบคู่ไปกับการเป็นผู้นำที่มีคุณธรรม
มีจิตสำนึกที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติสุข โดยให้ความเคารพในวัฒนธรรมและทัศนคติที่แตกต่างกันของสังคมโลก
โดยมั่นใจว่าผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะสามารถที่จะพัฒนาสังคม และ นำพาประเทศชาติไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องและรวดเร็ว
อุดมการณ์ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง อาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ปกครอง
ที่มีความคิดในแนวทางเดียวกัน ได้ให้ความสนใจที่จะนำบุตรหลานมาเล่าเรียน
วรรณีเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า โรงเรียนไชนีส อินเตอร์เนชั่นแนล สกูล
ที่ฮ่องกง ซึ่งหลานของเธอ ลูกของสุภกิต เจียรวนนท์ เรียนอยู่ที่นั่น มีส่วนอย่าง
มากที่ผลักดันให้เธออยากสร้างโรงเรียน ยิ่งไปเห็นข้อความที่เขียนติดไว้ว่า
"โรงเรียนจะพยายามสอนเด็กให้มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคมและโลก"
ก็ยิ่งเกิดความประทับใจ
"พออ่านปุ๊บ ใจก็บอกว่าใช่เลย ต้องการโรงเรียนที่มีแนวคิดอย่างนี้ ต้อง
สร้างคนที่ดีมีคุณธรรมตั้งแต่วันนี้ เพื่อรับผิดชอบโลกในอนาคต ก็เข้าไปคุยว่า
ต้องการเป็นสาขาในเมืองไทย ซึ่งเขาบอกว่าไม่ทำ เพราะเขาคิดว่าโรงเรียนไม่ได้อยู่ที่หลักสูตรอย่างเดียว
มันอยู่ที่ใจของผู้บริหาร และบุคลากรที่จะมาร่วมงานด้วย หลักสูตร เป็นเพียงกรอบ
คุณสามารถที่จะตามได้ แต่จะทำได้ดีแค่ไหนอยู่ที่ใจแล้ว"
เธอจึงตัดสินใจที่จะกลับมาทำโรงเรียนตามแนวคิด อย่างนั้นเอง ที่เมืองไทยโดยนำเอาหลักสูตร
International Baccalaureate Primary years Programme (IBPYP) ของ The International
Baccalaureate Organisation (IBO) มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน และโรงเรียนยังอยู่ภายใต้การบริหาร
ของ European Council of International Schools (ECIS) โดยเลือกใช้ภาษาอังกฤษ
และจีนกลาง เป็นภาษาที่สองควบคู่ไปกับการเรียนภาษาไทย เพราะจากประสบการณ์พบว่านักธุรกิจ
ส่วนใหญ่ในเอเชีย อย่างจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน จะพูดภาษาจีนกลางกันได้หมด
ในประเทศไทยเอง แม้จะเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ก็น่าจะเรียนภาษาจีน
ด้วย เพราะสามารถต่อไปยังภาษาญี่ปุ่นและเกาหลีได้ด้วย และยังเป็นภาษาที่สำคัญเชิงธุรกิจในอนาคตด้วย
จะว่าไปแล้ว ครอบครัวของธนินท์ เจียรวนนท์ ให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาจีนอย่างมาก
เพราะนอกจากเป็นภาษาของบรรพบุรษแล้ว กิจการหลายอย่าง ของบริษัทกำลังเติบโตในประเทศจีน
ดังนั้นในวัยเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบ วรรณีและพี่น้องคนอื่นๆ ต้องไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์
ไปอยู่กับคุณปู่ คุณย่า โดยเฉพาะปู่ของเธอต้องการให้หลานทุกคนพูดภาษาจีนได้
ช่วงที่ไปใหม่ๆ หลานๆ ทุกคนพูดจีนไม่ได้เลย แต่เมื่อ ไปใช้เวลาเรียนภาษาจีนเพียงครึ่งวัน
ในเวลาเพียงปีเดียว ทุกคนก็สามารถพูดและสื่อสารได้ ทำให้มั่นใจว่า ในวัย
เด็กสามารถเรียนรู้ได้พร้อมๆ กันหลายภาษาแน่นอน
เธอเรียนที่สิงคโปร์เพียงปีเดียว ความที่คุณแม่คิดถึงมาก ก็เลยกลับมาเรียนที่โรงเรียนพิพัฒนา
ต่อที่เซนต์โยเซฟบางนา แล้วข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เรียนชั้นประถม
7
จากคุณหนูคนโตของทุกคนที่บ้าน ซึ่งมีคนคอย รับใช้ทำทุกอย่างให้เสร็จสรรพ
กลับต้องไปเผชิญชีวิตด้วยตัวเองโดยลำพัง ในโรงเรียนประจำในต่างประเทศ จนจบไฮสกูล
ทำให้เธอเข้มแข็งและมีโอกาสได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนต่างชาติต่างภาษาอีกด้วย
วรรณีจบปริญญาตรีทางด้าน Information Science จาก Fordham University ที่นิวยอร์ก
กลับมาเมืองไทย เข้าไปฝึกงานที่ซีพี 6 เดือน หลังจากนั้นกลับไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านมาร์เก็ตติ้ง
และได้ไปฝึกงานที่ธนาคารเชสแมนฮัตตันที่ฮ่องกง หลังจากนั้น กลับมาทำงานด้านอินเวสเมนต์ที่เมืองไทยอยู่พักหนึ่ง
ก่อนกลับไปเปิดบริษัทรับตกแต่งภายในกับเพื่อนที่ฮ่องกงชื่อ Cl3 แต่งงานกับชาวฮ่องกงในช่วงนั้น
หลังจากนั้นก็กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อดูแลเรื่องการตกแต่งคฤหาสน์ให้กับคุณพ่อ
ธนินท์ เจียรวนนท์
หลังตกแต่งบ้านให้ธนินท์เสร็จ งานหลักของเธอคือเลี้ยง "น้องแดน" ลูกชาย
คนเดียวเท่านั้น ไม่ได้กลับไปฮ่องกงอีก
"มีความคิดอยู่ตลอดเวลาว่า อยากจะทำตัวให้มีประโยชน์ แต่ตอนนั้นเศรษฐกิจบูมมาก
เลยคิดว่าคงไม่จำเป็นมั้ง คงไม่มีใครต้องการเรา โทรไปที่ยูนิเซฟ ขอเป็นอาสาสมัคร
เขาก็ไม่รับ จนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมา เราก็มีความคิดว่า การ สร้างโรงเรียนสร้างบุคลากรที่ดี
มีคุณธรรม ใช้ความรู้ไปในทางที่ถูก มันเหมือนการสร้างโลกในอนาคต การสร้างคนไม่ดีให้ฉลาด
เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เลยตัดสินใจทำ"
ที่คอนคอร์เดียน สกูล เด็กเล็กระดับ 3-5 ขวบ จะแบ่งเรียน ครึ่งวันเช้าเป็น
ภาษาจีน ครึ่งวันบ่ายเป็นภาษาอังกฤษสลับกัน และเรียนภาษาไทยประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของเวลาเรียนทั้งหมด
ชั่วโมงภาษาไทยจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่เกรด 1 เป็นต้นไป ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
ห้องเรียนจะแยกออกจากกันชัดเจน ทุกวิชา ในห้องภาษาจีน จะสื่อด้วยภาษาจีนหมด
เช่นเดียวกับทุกวิชาในห้องภาษาอังกฤษก็จะใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว
ค่าเล่าเรียนของเด็กเล็กประมาณ 255,000 บาทต่อปี ระดับอนุบาล 2 289,000
ต่อปี อนุบาล 3 321,300 บาทต่อปี เกรด 1-4 324,450 บาทต่อปี
"คิดไว้เหมือนกันว่าต่อไปจะสร้างเป็นโรงเรียนประจำ ในชั้นเรียนที่เด็กโต
หน่อย เพื่อให้เขารู้ว่าอยู่ด้วยตัวเองเป็นอย่างไร การช่วยเหลือตัวเองเป็นอย่างไร
เพราะเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่ไม่ค่อยได้ช่วยเหลือตัวเองเท่าไรเวลาอยู่ที่บ้าน
และยังจะได้สอนให้เขาได้รู้จักใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น รู้จักการเสียสละ และแบ่งปัน
เราอยากให้เด็กเข้าใจในจุดนี้ก่อนที่เขาจะเข้าไปวัยทีนเอจ เขาจะกลายเป็นวัยรุ่นที่มีความรับผิด
ชอบ ทำให้เขาคิดเป็น"
ความฝันของวรรณี เจียรวนนท์ รอสส์ ก็คือ จะขยายโรงเรียนของเธอไปจน ถึงระดับมัธยม
และอาจจะถึงไฮสกูล ก่อนที่จะส่งนักเรียนเหล่านั้นเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ของโลก
และเธอหวังอย่างยิ่งว่าพื้นฐานของจิตสำนึกที่ดี ที่ถูกหล่อหลอมในวัยเด็ก
จะทำให้เด็กเหล่านั้นเป็นผู้นำที่ดีในอนาคตได้แน่นอน