"ไอเอ็นจี" ไอเดียบรรเจิด เตรียมเปิดตัวกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) กองที่ 4 ของปีนี้ ด้วยการลงทุนในหอพักนักศึกษา ในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยมูลค่าโครงการกว่า 1 พันล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทน 10% ต่อปี "มาริษ" ระบุเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและเป็นศูนย์กลางหอพักแห่งแรก รองรับนักศึกษากว่า 5 หมื่นคน พร้อมพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสระว่ายน้ำ โรงหนัง รองรับดีมานด์ คาดเปิดขายไอพีโอได้ 7-21 พฤศจิกายนนี้
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) กองที่ 4 ของไอเอ็นจี จะเป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในหอพักนักศึกษาในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จ.มหาสารคาม โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทน 10% ต่อปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้งกองทุนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ได้ในวันที่ 7-21 พฤศจิกายนนี้
สำหรับรายละเอียดของกองทุนนั้น จะเป็น การเข้าไปลงทุนในหอพักนักศึกษาชื่อ "ตักศิลานคร (มหาสารคาม)" ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทเอกชน ที่ทางมหาวิทยาลัยสนับสนุนให้มีการก่อสร้างตามนโยบายการพัฒนาหอพักนักศึกษาของรัฐบาล โดยหอพักดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 44 อาคาร อาคารละ 71 ห้อง รวมทั้งหมดประมาณ 9,500 ห้อง ซึ่งหลังจากการเข้าไปดูพื้นที่แล้ว ก็มีแนวคิดร่วมกันที่จะเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งสระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ขนาดย่อม ให้บริการในพื้นที่ รวมทั้งติดแอร์ให้ห้องพักทุกห้องอีกด้วย
นายมาริษ กล่าวว่า พื้นที่ในบริเวณมหา-วิทยาลัยมหาสารคามเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยมีนักศึกษาประมาณ 40,000 คนในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงนักศึกษาในสถาบันการศึกษาในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามที่มีจำนวนนักศึกษากว่า 10,000 คน รวมทั้งสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลฯ และวิทยาลัยเทคนิคด้วย โดยในส่วนของมหาวิทยาลัยมหาสารคามนั้น ยังมีแผนที่จะรับนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2549 อีกกว่า 10,000 -20,000 คนอีกด้วย
สำหรับสาเหตุที่บริษัทให้ความสนใจลงทุนในหอพักนักศึกษานั้น เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวยังมีซัปพลายไม่พอกับความต้องการของนักศึกษาที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ออกนอกระบบแล้วนั้น การจะเข้าไปลงทุนเองมีต้นทุนค่อนข้างสูง ดังนั้น การที่มีบริษัทเอกชนเข้ามา เป็นผู้ดำเนินการ ทำให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่น่าสนใจ โดยบริษัทพิจารณาดูแล้วเห็นเป็น โอกาสที่ดีในการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
"พื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นศูนย์กลางหอพักนักศึกษาแห่งแรกที่มีศักยภาพ โดยหลังจากเข้าไปดูในพื้นที่ก็สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัด ที่จะปรับปรุงหอพักนักศึกษาของจังหวัดทั้งหมด โดยมีเอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งมีการเสนอให้เพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้นอีกด้วย" นายมาริษกล่าว
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถือเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 4 ของบลจ.ไอเอ็นจี และเป็นกองทุนกองสุดท้ายของปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ บลจ.ไอเอ็นจีมีแผนจะลงทุนในคอนโดมิเนียมหรูย่านใจกลางเมือง มูลค่าประมาณ 2,200 ล้านบาทอีก 1 กองทุน แต่ในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่สามารถจัดตั้งได้ทันในปีนี้
ล่าสุด วานนี้ (26 ก.ย.) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ มูลค่าโครงการ 865 ล้านบาท ภายใต้การบริหารของบลจ.ไอเอ็นจี ที่ลงทุนในบ้านเดี่ยวให้เช่าจำนวน 25 หลังภายในโครงการบ้านแสนสิริ ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ 10.10 บาท เหนือราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุน 10 บาท ก่อนจะปรับลงมาปิดตลาดที่ 10.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3,138,000 บาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งแรกได้ในช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า
นายมาริษ กล่าวว่า กองทุนนี้ถือเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 8 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งการที่มีกองทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จะสามารถช่วยเพิ่มการขยายตัวของกองทุนได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน รวมทั้งเป็นการจุดประกายให้ผู้ประกอบการทั้งที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่ได้จดทะเบียน ให้ความสนใจลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งจากการให้ความสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายมาริษยังได้ประเมินถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงสิ้นปีว่า คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯสิ้นปีน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 740-800 จุด เนื่องจากมองว่าภาวะตลาดน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของหุ้น บมจ.กฟผ. ประกอบกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปี อาจจะฟื้นตัว ดังนั้นจึงส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
|