กองเรือกองแรกนำโดยกัปตันอาร์เธอร์ ฟิลิปป์ ขึ้นฝั่งที่อ่าวซิดนีย์เมื่อวัน 26 มกราคม 1788 พร้อมกับการประกาศเข้ายึดครองอาณานิคมนิวเซาท์เวลส์ ในเวลานั้นผู้คนบนกองเรือ จำนวน 1,023 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักโทษ และลูกหลานของพวกเขาต่างเฝ้าหวังถึงอนาคตที่สดใสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ บนดินแดนแห่งใหม่ที่รู้จักภายหลังในชื่อว่า ออสเตรเลีย
จดหมายฉบับแรกที่มาถึงอาณานิคมแห่งนี้เป็นจดหมายจาก Philip Gidley King ซึ่งส่งมาถึงกัปตันฟิลิปป์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าการแห่งอาณานิคมใหม่แห่งนี้ จดหมายถูกส่งมาถึงเมื่อว่าที่ 19 มีนาคม 1788 เพื่อรายงานการจัดตั้งคุกแห่งใหม่ที่เกาะนอร์ฟอล์ก (Norfolk Island)
ในขณะที่จดหมายชุดแรกถูกส่งไปอังกฤษเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1788 โดยเป็นหนังสือราชการจากผู้ว่าการฟิลิปป์ส่งถึงรัฐบาลอังกฤษ, จดหมายส่วนตัว, และ จดหมายจากนักสำรวจชาวฝรั่งเศส Le Comte de la Perouse ซึ่งเดินทางมาสำรวจที่อ่าวโบตานี่ (Botany Bay) ส่งถึงเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงลอนดอน ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ
ต่อมามีการเรียกร้องเกี่ยวกับการส่งจดหมายรวมถึงพัสดุไปรษณีย์ต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Isaac Nichols จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นบุรุษไปรษณีย์คนแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน 1809
Isaac Nichols อดีตนักโทษซึ่งถูกลงโทษเนื่องจากขโมยตัวดองกี้และต้องรับโทษ เจ็ดปี แต่ด้วยพฤติกรรมในช่วงถูกลงโทษที่ดี สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คุมด้วยการทำงาน หนัก เมื่อถูกรับโทษจนครบเวลา ก็ได้รับการจัดสรรที่ดิน ต่อมาเขาเปิดโรงแรมเล็กๆ บนถนน George St. ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นบุรุษไปรษณีย์คนแรกของออสเตรเลีย
เขาโดยได้รับอนุญาตให้จัดการเกี่ยวกับจดหมายและพัสดุที่ส่งเข้ามายังเกาะออสเตรเลียทั้งหมด โดยเขาจะคิดค่าส่งจดหมาย 1 ชิลลิ่งต่อจดหมายหนึ่งฉบับ และพัสดุคิดตามน้ำหนัก
ต่อมาทางการได้กำหนดให้บ้านของเขาเป็นที่ทำการไปรษณีย์อย่างเป็นทางการ
ปี 1825 สภาบริหารรัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales Legislative Council) ได้ผ่านกฎหมายเกี่ยวกับไปรษณีย์ฉบับแรกซึ่งให้อำนาจผู้ว่าการรัฐในการกำหนดอัตราค่าส่งไปรษณีย์, จ้างบุรุษไปรษณีย์นอกซิดนีย์ และกำหนดเงินเดือนและค่าจ้างต่างๆ
การไปรษณีย์ของออสเตรเลียก็ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องนับจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้สู่การเป็นบริษัท
ระหว่างปี 1975-1989 เป็นช่วงของการเตรียมการไปรษณีย์ออสเตรเลียเพื่อให้เป็นบริษัทในอนาคต โดยค่อยๆ แยกระบบการบริหารและการเงินออกมา หลังจากนั้น การพยายามปรับเปลี่ยนระบบการทำงานที่เป็นระบบราชการไปสู่รูปแบบการบริหารงานแบบเอกชน โดยมีเป้าหมายในเรื่องกำไร และการทำให้การทำงานไม่ซับซ้อน ง่าย และมีประสิทธิภาพ
ปี 1989 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการไปรษณีย์ออสเตรเลีย โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 1989 และวันที่ 1 กรกฎาคม 1989 กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการการไปรษณีย์ออสเตรเลียฉบับใหม่ (Australian Postal Corporation Act 1989) ก็ถูกประกาศใช้แทนและนับจากวันนั้น การไปรษณีย์ออสเตร เลียก็จะต้องจัดการบริหารตัวเอง และหาเงินทุนเข้ามาหล่อเลี้ยงธุรกิจของตนด้วย โดยรัฐบาลจะไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง คือการจัดการเกี่ยวกับจดหมายภายในประเทศ ออสเตรเลีย ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม รวมถึงการส่งจดหมายระหว่างประเทศน้ำหนัก ไม่เกิน 500 กรัม ยังคงกันสิทธิ์ไว้ให้การ ไปรษณีย์ออสเตรเลียจัดการ แต่สำหรับธุรกิจ อื่นๆ ได้เปิดให้แข่งขันอย่างเสรี
นอกจากนี้การไปรษณีย์ออสเตรเลียยังต้องจ่ายภาษีให้แก่รัฐบาลเหมือนๆ กับธุรกิจอื่นๆ เช่นกัน
ทศวรรษ 1990 Postshop หรือร้านขายปลีกของการไปรษณีย์ออสเตรเลียได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงสินค้าเอ็กซ์โป 1988 ที่เมืองบริสเบน รัฐควีนส์ แลนด์ ซึ่งช่วงแรกต้องปรับตัวพอสมควรเพราะ สภาพที่ตั้ง รวมถึงตึกที่ทำการของไปรษณีย์สาขาย่อย บางแห่งเป็นตึกเก่าแก่อายุกว่าหนึ่งร้อยปี ในขณะที่บางพื้นที่ไม่อยู่ในจุดที่เหมาะสมต่อการขายปลีก และเนื่องจากการไปรษณีย์ออสเตรเลียมีสาขาอยู่กว่า 1,400 แห่ง และร้านค้าที่เป็นตัวแทนทำไปรษณีย์ (ที่เรียกว่า Postal Agencies) อีกกว่า 3,100 แห่ง ทำให้ในช่วงแรกของการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกการไปรษณีย์ออสเตรเลียต้องเผชิญกับปัญหาขาดทุน
อย่างไรก็ดี เมื่อผ่านระยะทดลองและมีการปรับแก้ตามความเหมาะสม และร้านขายปลีกของการไปรษณีย์ได้กระจายไปทั่วประเทศ ประชาชนก็เริ่มยอมรับ และเรียนรู้ถึงกิจกรรมทางด้านค้าปลีกของการไปรษณีย์
แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ก็จะต้องปรับตัว จากการเป็นเพียงผู้รับคำสั่งจากลูกค้า กลายมาเป็นนักขายมืออาชีพ โดยต่างมีส่วนร่วมในการปรับปรุงหน้าตาร้าน, คุมและบริหารคลังสินค้า และจัดซื้ออุปกรณ์ รวมถึงสินค้าที่นำเข้ามาขายในร้านด้วย
การปรับตัวในช่วงถัดมา เมื่อร้านขายปลีกของการไปรษณีย์ขยายตัวมากขึ้นก็คือ ข้อตกลงกับตัวแทนทำไปรษณีย์ ไปสู่การออกใบอนุญาตให้ทำไปรษณีย์ (หรือ Licensed Post Offices (LPOs) ได้ หรือคล้ายทำแฟรนไชส์นั่นเอง นั่นคือรูปแบบการทำธุรกิจของการไปรษณีย์ออสเตรเลียเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ซึ่งตามโครงสร้างใหม่ จะมีการกำหนดแรงจูงใจในการทำธุรกิจมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลกำไร และลดต้นทุน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ การลงทุนกว่า 70 ล้านเหรียญออสเตรเลีย ในการพัฒนาและติดตั้งระบบ EPOS (หรือ Electronic Point of Sale) ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้สามารถจัดการการซื้อขายได้มากขึ้น นั่นคือหลายๆ บริษัทล้วนอยากจะให้การไปรษณีย์ออสเตรเลียเป็นเสมือนหน้าร้านของพวกเขา เพราะการไปรษณีย์ออสเตรเลียมีสาขาอยู่เกือบทุกเมือง, ทุกพื้นที่ทั้งในเมืองใหญ่และชนบทห่างไกล และเมื่อระบบ EPOS กระจายไปในร้านค้าทุกสาขาของการไปรษณีย์ ออสเตรเลีย ก็ส่งผลให้การใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในส่วนบิลค่าบริการต่างๆ ในปี 1995 เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยล้านเหรียญออสเตรเลีย (หนึ่งเหรียญออสเตรเลียประมาณ 31-32 บาทไทย) หรือคิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน
EPOS เปรียบเสมือนบันไดขั้นแรกก่อนนำเข้าสู่การทำบริการธนาคารอิเล็ก ทรอนิกส์ โดยการไปรษณีย์ออสเตรเลียได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจธนาคารโดยการออกระบบที่เรียกว่า giroPost ในวันที่ 25 กรกฎาคม 1995 โดย Citibank เป็นธนาคารแรกที่เซ็นสัญญาเข้าร่วมในเครือข่ายนี้ และภายในสองสามเดือน ธุรกรรมออนไลน์ของ Citibank ก็เพิ่มขึ้นอีก 300% ระบบนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับธนาคารขนาดเล็กๆ ในปี 1996 ธนาคารอีก 9 แห่งก็ได้เข้าร่วมในเครือข่าย โดยผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบัญชีของตนจากสาขาของการไปรษณีย์ออสเตรเลียกว่า 2,500 แห่ง โดย 40% เป็นสาขาในพื้นที่ชนบท ห่างไกล
ปี 1996-1997 เป็นปีแรกที่เริ่มมีผลกำไร หลังจากขาดทุนมาเป็นเวลานานพอสมควร
ง่ายและเร็วด้วยเทคโนโลยี
ในแง่การให้บริการ เดือนกันยายน 1991 เป็นปีแรกที่ใช้ระบบเวลาปิดรับจดหมาย เวลาเดียวคือ หกโมงเย็น นอกจากนี้การจัด การส่งจดหมายและพัสดุที่แยกกัน ทำให้มีบริการ Parcel Post ซึ่งเป็นบริการส่งพัสดุราคาถูก และใช้งานง่าย และยังมีการนำเสนอ Express Post ซึ่งเป็นบริการส่งด่วนพิเศษข้ามรัฐ และ Express Post International สำหรับการส่งด่วนระหว่างประเทศ Lettergram เป็นระบบที่มาแทนที่โทรเลข และ Lettergram Computerlink สำหรับส่งข้อความจากเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปสู่สาขาของไปรษณีย์เพื่อส่งโทรเลขไปยังปลายทางต่อไป
เทคโนโลยีถูกนำมาใช้ในเกือบทุกๆ ส่วนงานขององค์กรเพื่อทำให้บริการมีประสิทธิภาพขึ้น และสามารถสรรค์สร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ ช่วงต้นปี 1992 มีการศึกษาเพื่อจัดการการส่งจดหมายให้ได้จำนวนมากขึ้นๆ ซึ่งเป็นที่มาของการนำระบบ EDI (Electronic Data Interchange) มาพัฒนาเป็น EDIPost ซึ่งให้บริการในปี 1992- 1993
ระบบ EDI ทำให้สามารถจัดส่งใบส่งสินค้าและสเตทเมนต์เป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยบริษัทที่ใช้บริการจะส่งหัวจดหมายเปล่าไปเก็บไว้ที่ศูนย์ของ EDIPost จากนั้น เมื่อต้องการจะส่งเอกสารไปยังลูกค้า ก็จะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มายังที่ศูนย์ จากนั้นที่ศูนย์จะพิมพ์เอกสารเหล่านี้ แล้วส่งผ่านช่องทางส่งจดหมายปกติไปยังปลายทางที่ต้องการ
นับจากการแปรรูปสู่การเป็นบริษัท ผลิตภาพของการไปรษณีย์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นกว่า 32.8% ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของประสิทธิภาพทั่วประเทศถึงสองเท่า โดยจำนวนของจดหมายที่ส่งตรงเวลามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ราคาแสตมป์ยังคงที่
โดยในปี 1996 มีจำนวนจดหมายส่งเพิ่มขึ้น 171,161 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 6% จาก ปีกลาย
และการไปรษณีย์ก็จ่ายทั้งภาษี, จ่ายเงินปันผล และมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
ราคาแสตมป์มาตรฐานทั่วประเทศที่ 45 เซ็นต์ คงที่นับจากปี 1992 ต่อเนื่องถึงปี 1998 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศในกลุ่มโออีซีดีซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และเยอรมนี ซึ่งราคาที่คงที่ต่อเนื่องนี้ส่งผลให้มีการส่งจดหมายมากขึ้น และระดับของประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กำไรจึงเพิ่มอย่างไม่หยุดหย่อน
ถึงแม้ว่า Isaac Nicholls บุรุษไปรษณีย์คนแรกของออสเตรเลียจะนำจดหมายไปส่งตามที่ต่างๆ เพียง 36 ฉบับในงานครั้งแรกของเขา ในแต่ละวันในปี 1999 การไปรษณีย์ออสเตรเลียจะต้องส่งจดหมาย, พัสดุ รวมถึงสิ่งของต่างๆ ถึง 18 ล้านชิ้น หรือคิดเป็น 4,530 ล้านชิ้นต่อปี โดยเจ้าหน้าที่ 35,000 คน
ในแต่ละวัน มีลูกค้าเข้าใช้บริการ 800,000 ราย โดยสองในสามมิได้ส่งแค่เพียงจดหมาย โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินกว่า 40 ราย และจ่ายบิลให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชนกว่า 370 ราย
ถึงแม้ว่าราคาแสตมป์จะคงที่ที่ 45 เซ็นต์ แต่ราคาบริการอื่นๆ กลับมีแตกต่างกันถึง 106 แบบ ซึ่งเดือนตุลาคม 1999 ได้ลดลงจนเหลือเพียง 11 รูปแบบ และแบ่งพื้นที่โลกเป็นโซนๆ เพื่อกำหนดราคาที่เป็นมาตรฐาน
เช่นเดียวกับอี-คอมเมิร์ซ ที่การไปรษณีย์ออสเตรเลียก็ไม่ได้ตกขบวนรถไฟแห่งโอกาสนี้ โดยก่อนหน้านี้การไปรษณีย์ออสเตรเลียก็มีบริการที่อาศัยคอมพิวเตอร์อยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว โดยเฉพาะการจ่ายบิลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเว็บไซต์ของการไปรษณีย์จะเป็นศูนย์กลางของการจ่ายบิลผ่านอินเทอร์ เน็ต นอกจากนี้การจ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตที่สาขาของไปรษณีย์ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกัน
ปัจจุบัน โครงสร้างของการไปรษณีย์ออสเตรเลียประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ
จดหมาย โดยไปรษณีย์จะรวบรวม, จัดเก็บ และส่งไปยังปลายทาง ทั้งภายในประเทศออสเตรเลีย และนอกประเทศ
พัสดุและลอจิสติกส์ ไปรษณีย์จะรวบ รวม, จัดเก็บ และส่งพัสดุไปยังปลายทาง ทั้ง ภายในและนอกประเทศออสเตรเลีย และบริการด้านลอจิสติกส์
สินค้าปลีกและบริการทางการเงิน โดยไปรษณีย์จะจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านไปรษณีย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการไปรษณีย์ ยังรวมถึงเครื่องเขียน, เครื่องใช้สำนักงาน, ของขวัญ, การ์ด, เครื่อง มือสื่อสาร และบริการทางด้านการเงินด้วย นอกจากนี้การจัดการและบริหารข้อมูล และบริการไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งยังเป็นบริการเสริมที่สำคัญด้วย
รายได้เมื่อปี 2003 อยู่ที่ 3,971.9 ล้าน เหรียญออสเตรเลีย โดยมีกำไรหลังหักภาษีเท่ากับ 330.8 ล้านเหรียญ และมีจำนวนจดหมาย, พัสดุ และสิ่งของต่างๆ ที่ต้องส่งจำนวนทั้งสิ้น 5,261.7 ล้านชิ้น
ปัจจุบันการไปรษณีย์ออสเตรเลีย ถือเป็นแฟรนไชส์ที่มีสาขามากที่สุดในออสเตรเลีย คือ 2,919 สาขาทั่วประเทศ
"Delivering More than Ever" เป็นคำขวัญสำหรับการก้าวเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ของการไปรษณีย์ออสเตรเลีย ในฐานะหนึ่งใน 40 บริษัทสุดยอดของออสเตรเลีย ในปี 1999 นิตยสาร BRW นิตยสารธุรกิจชั้นนำของออสเตรเลียได้จัดให้การไปรษณีย์ออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์ บริษัทของออสเตรเลีย และปัจจุบันยังเป็นหนึ่ง ในหน่วยงานไปรษณีย์ชั้นนำของโลก
|