CPF มั่นใจยอดขายปีนี้ทะลุแสนล้าน หลังจีเอสพีคืนจีเอสพีให้กุ้งไทย ส่วนกรณีสหรัฐฯจะยกเลิกเอดีให้เหมือนจีเอสพีหรือไม่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ส่งผลให้การส่งออกกุ้งไปสหรัฐฯลดลง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ รักษาสมดุล
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สหภาพยุโรปได้ คืนสิทธิพิเศษทางภาษี หรือจีเอสพี ย้อนหลังตั้งแต่ 1 สิงหาคม 48 ให้แก่ประเทศไทยนั้น ก่อให้เกิดการความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมกุ้งไทยในแนวทางที่ดีขึ้นอย่างมาก ผู้ประกอบ การต่างก็มองเห็นถึงแนวโน้มที่สดใส ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะธุรกิจส่งออกกุ้งเท่านั้นที่มีการขยายตัว แต่ยังรวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง และอุตสาหกรรม เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ที่พากันมุ่งเป้าหมายไป ยังตลาดอียู โดยจะเห็นได้จากในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ราคา กุ้งในประเทศสูงขึ้นประมาณ 20%

"ปัญหาจีเอสพีของอียูคลี่คลายแล้ว ทำให้ภาพรวมการส่งออกกุ้งไทย ไปยุโรปดีขึ้นเป็นลำดับ อุตสาหกรรมกุ้งไทยจะเติบโตต่อเนื่อง ทำรายได้เข้า ประเทศได้มหาศาล ทั้งยังเป็นการสร้าง งานสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และประชาชนในแวดวงอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ขณะเดียวกันไทยก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางสหรัฐฯ ว่าจะยกเลิกเอดีให้เหมือนจีเอสพีหรือไม่ ทำให้การส่งออกกุ้งไปสหรัฐฯลดลง ซึ่งในส่วนนี้ภาคอุตสาหกรรมได้เพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น การลดต้นทุนเพื่อรักษาความ สมดุล" นายอดิเรกกล่าว

ในส่วนของ CPF ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ก็คาดว่าสิ้นปี 48 จะสามารถส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปได้ถึง 6,000 ตัน จากเดิม 2,000 ตัน เพิ่มขึ้นราว 300% ส่งผลให้การส่งออก กุ้งโดยรวมทุกตลาดของ CPF ณ สิ้นปี 48 จะอยู่ในราว 45,000 ตัน จากเดิม 12,000 ตัน และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง กับอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งก็จะเติบโตไปด้วย
ขณะเดียวกัน จากภาวะน้ำมันแพงที่เกิดขึ้น CPF ได้ทำการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์มกุ้ง โดย ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ต้นทุน การผลิตกุ้งของบริษัทลดลงราว 20-25% ดังนั้น คาดว่าผลประกอบการประจำไตรมาส 3 และ 4 ของปี 48 จะออกมาดีตามความคาดหมาย ด้วย ยอดขายปี 48 ที่ตั้งเป้าไว้ 1.1 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมกุ้ง เป็นผลดี จากการที่อียูคืนสิทธิจีเอสพีเช่นนี้ จะมีปัจจัยประกอบที่สร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอยู่หลายประการ ได้แก่ การที่ตลาดสหภาพยุโรป หรืออียูเป็นตลาดผู้บริโภคกุ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ละปีมีการนำเข้า กุ้งจากประเทศต่างๆ สูงถึง 700,000 ตัน ทำให้ผู้ส่งออกกุ้งไทยเร่งทำการส่งออกสินค้ากุ้งยิ่งขึ้น และต้องการวัตถุดิบกุ้งจากเกษตรกรมากขึ้นตามไปด้วย