"นิวสวีค" เลือก 8 มหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มาแรงที่สุดแห่งปี 2005-2006
สำหรับคนที่คิดจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอเมริกัน ก็คงหนีไม่พ้นการเลือกที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดังมานาน อย่างกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำ 8 แห่งที่เรียกว่ากลุ่ม Ivy หรือสถาบัน อย่าง Amherst หรือมหาวิทยาลัยของรัฐที่โด่งดังอย่าง University of California และ Berkeley
แต่ในขณะที่การแข่งขันแย่งชิงที่นั่ง อันจำกัดในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ มีความดุเดือดยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้นักศึกษา และครอบครัวต่างเริ่มมองหาและได้ค้นพบว่า ยังมีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ที่อาจจะเป็นที่รู้จักน้อยกว่า แต่มีคุณภาพดีเท่าๆ กับมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทั้งยังสอบเข้า ยากพอๆ กัน และมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอาจไม่จำเป็นต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่ปู่ย่าตายายเคยได้ยินชื่อมาก่อน
และต่อไปนี้คือมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ 8 แห่ง ที่นิตยสารชื่อดังเล่มนี้ลงความเห็นว่า มาแรงที่สุดแห่งปี 2005-2006 ซึ่งแต่ละแห่งต่างได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างชื่นชมในด้านใดด้านหนึ่ง ทั้งจากนักศึกษา เจ้าหน้าที่ ของโรงเรียน และจากบรรดาผู้ที่คอยติดตาม กระบวนการรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ทั้งยังเป็นมหาวิทยาลัยที่สามารถเตรียมนัก ศึกษาให้พร้อมเผชิญกับโลกที่ซับซ้อนขึ้นทุกวันใบนี้ได้
สอบเข้ายากสุด
Harvard University, Cambridge, Massachusetts
ปีที่แล้วมหาวิทยาลัย Yale ได้แย่งตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่สอบเข้ายากที่สุดในบรรดามหาวิทยาลัยกลุ่ม Ivy มาจาก Harvard ได้สำเร็จ
แต่พอ Harvard ประกาศยกเว้นให้ครอบครัวของนักศึกษาที่มี รายได้ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ ไม่ต้องจ่ายเงินบริจาคของผู้ปกครอง ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของค่าเล่าเรียนเท่านั้น ก็ทำให้ใบสมัครพุ่งพรวด ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 22,796 ใบ
แต่ก็ทำให้อัตราของนักศึกษาที่สามารถสอบเข้าเรียนได้ ตกฮวบลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดในบรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่ม Ivy โดยอยู่ที่เพียง 9.1% เท่านั้น นั่นคือ ยิ่งทำให้การแข่งขันเพื่อเข้าเรียน ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ยากกว่าที่เคยเป็นมาอีกหลายเท่า แต่ก็ทำให้นักศึกษาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งนี้ได้มากขึ้นคือ 296 คน
Crimson หนังสือพิมพ์ประจำมหาวิทยาลัยถือโอกาสออกหนังสือใหม่ "How They Got Into Harvard" ซึ่งรวบรวมประวัติย่อของนักศึกษาที่สอบเข้าได้ ตามด้วยเล่มสองซึ่งรวบรวม essay ของนักศึกษาที่สอบเข้าได้สำเร็จ
แรงสุดๆ ด้านวิทยาศาสตร์
University of California, San Diego, La Jolla
นักศึกษาที่ UCSD จะฉลองวันปิดภาคเรียนทุกปีด้วยพิธี "ทิ้ง แตงโม" ซึ่งเป็นประเพณีที่ทำกันมา 40 ปี เริ่มต้นโดยนักศึกษาฟิสิกส์ คนหนึ่งที่ทดลองเรื่องความเร็วด้วยการทิ้งลูกแตงโมลงมาจากชั้น 7
หนึ่งในสี่ของรายได้ 1.8 พันล้านดอลลาร์ของมหาวิทยาลัย ได้มาจากกองทุน สนับสนุนการวิจัยของรัฐบาลกลางสหรัฐฯและมีอาจารย์ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลวิทยาศาสตร์ 8 คน
Marye Anne Fox อธิการบดี ซึ่ง เป็นนักเคมีอินทรีย์ เน้นให้นักศึกษาได้เข้า ห้องแล็บ และมหาวิทยาลัยได้เพิ่มคุณภาพ ของการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้วยการเพิ่ม วิชาเอกใหม่ๆ ที่ทันยุคทันสมัย อย่างการสังเคราะห์โมเลกุล (molecular synthesis) และ bioinformatics
สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ ติดทะเลเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งคณาจารย์ และศิษย์เก่าของที่นี่ ทำงานอยู่ในบริษัทเกือบ 200 แห่ง ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของบริษัทด้าน biotech ทั้งหมดที่อยู่ในแถบนี้
แรงสุดด้านศิลปศาสตร์
Macalester College, St.Paul, Minnesota
มหาวิทยาลัยซึ่งมีนักศึกษาประมาณ 1,900 คน และตั้งอยู่ในเมืองที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวาแห่งนี้ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่รับนักศึกษาที่พลาดหวังจากมหาวิทยาลัยดังๆ อย่าง Harvard, Yale และ Princeton มากขึ้นทุกปี ซึ่งล้วนเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิ A+ และเหตุผลที่ถูกปฏิเสธเพียงเพราะ มหาวิทยาลัยชื่อดังเหล่านั้นไม่มีที่ให้พวกเขาเรียน
Macalester มีอัตราส่วนอาจารย์ 1 คนต่อลูกศิษย์ 11 คน และเน้นการศึกษา ด้านการระหว่างประเทศ โดยมีศิษย์เก่าที่มี ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือ Kofi Annan เลขา ธิการสหประชาชาติคนปัจจุบัน
ที่นี่มีนักศึกษาต่างชาติถึง 6 ชาติ 6 ภาษาคือ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น รัสเซีย และสเปน และมีบรรยากาศที่อบอุ่นของมหาวิทยาลัยในเมืองเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง Twin Cities มีนักศึกษาสนใจสมัครเข้าเรียนที่นี่เพิ่มขึ้นถึง 60% นับตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา
แรงสุดด้านศิลปะ
Savannah College of Art and Design, Savannah, Georgia
SCAD ได้ฟื้นตัวจากยุคอื้อฉาวในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยสมบูรณ์แล้ว ความอื้อฉาว ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเกิดการวางระเบิดท่อน้ำ ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยต้องยกเลิกการสอบจบการศึกษา ทำให้นักศึกษาที่ไม่พอใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากมหาวิทยาลัยถึง 12 ล้านดอลลาร์ ขณะที่คณาจารย์ก็กล่าวหาตระกูลที่เป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยว่า มองเห็นมหาวิทยาลัยเป็นที่ตักตวงเงินทอง
แต่เมื่อ Paula Wallace ก้าวเข้ามาเป็นอธิการบดีในปี 1999 ความขัดแย้งยาวนานระหว่างมหาวิทยาลัยกับสื่อและทางการก็ได้ยุติลง และจำนวนนักศึกษาก็เพิ่มขึ้นจาก 4,500 คน เป็น 6,700 คน มหาวิทยาลัยมีเครื่อง computer workstations มากกว่า 3,000 เครื่อง ที่ใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ระดับสูงแบบเดียวกับที่ใช้กันในอุตสาหกรรม ศิลปะและการออกแบบ
บรรดาบริษัท special effect ของ Hollywood ต่างจองตัวบัณฑิตจาก SCAD และบัณฑิตที่จบจากที่นี่จำนวนมากก็ทำงานให้แก่สตูดิโออย่าง Digital Domain, Pixar และ Disney Imagineering รวมทั้งบริษัทที่จ้างศิลปินประจำตลอดมา อย่าง Procter & Gambel และเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
แรงสุดด้านโรงเรียนเตรียมแพทย์
Xavier University of Louisiana, New Orleans
Xavier เป็นมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียวที่รับนักศึกษา ผิวดำและเป็นโรมันคาทอลิก มีอิทธิพลอย่างสูงในระบบการรักษาพยาบาลของชาติ โดยได้ผลิตแพทย์และเภสัชกรจำนวนมาก และมีโปรแกรมการสอนภาคฤดูร้อนที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียนมัธยม โดยเฉพาะวิชาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์
ผลการศึกษาในปี 2004 พบว่า มหาวิทยาลัยซึ่งมีนักศึกษา 3,500 คนแห่งนี้มีหลักสูตรระดับปริญญาตรี ทางด้านชีววิทยาและ life sciences สำหรับ นักศึกษาผิวดำมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ
Xavier ยังรั้งอันดับหนึ่งตลอดมาในการทำให้นักศึกษาผิวดำสามารถสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ได้ และให้การศึกษาแก่เภสัชกรผิวดำประมาณ 25% ของเภสัชกรผิวดำที่มีอยู่ทั้งหมด 6,000 คนในสหรัฐฯ
แรงสุดด้านภาษาและนานาชาติศึกษา
Middlebury College, Middlebury, Vermont
มหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาและทุ่งหญ้ากว้าง ใกล้ๆกับหมู่บ้านสำคัญในรัฐ Vermont แห่งนี้มี ชื่อเสียงอย่างมากในด้านการสอนภาษาต่างประเทศ หลักสูตรภาษาต่างประเทศภาคฤดูร้อนของ Middlebury อันโด่งดัง มีทั้งภาษาอาหรับ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น โปรตุเกส รัสเซีย และสเปน
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการเรียน ภาษาในต่างประเทศที่เรียกว่า Schools Abroad ใน 10 ประเทศ ซึ่งสอนโดยคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยโดยตรง นักศึกษาประมาณ 60% จากทั้งหมด 2,350 คน จะได้ไปเรียนภาษาในต่างประเทศอย่างน้อยหนึ่ง ภาคเรียน
Kathryn Boateng บัณฑิตปี 2005 ซึ่งเรียนวิชาเอกภาษาฝรั่งเศสควบกับการเมืองและเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศให้ข้อมูลว่า โรงเรียนให้โอกาสในการเรียนรู้อย่างมากมาย เช่น การฝึกภาษาในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งนักศึกษาสามารถจะฝึกฝนทักษะด้านภาษากับอาจารย์ได้โดยตรง
อยู่อย่างแสนสุขสุดๆ
University of Pennsylvania, Philadelphia
ในขณะที่มหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy ไม่ยอมรับว่าการตัดสินใจ แต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่มหาวิทยาลัยที่เรียกย่อๆ ว่า Penn แห่งนี้กลับยอมรับมานานแล้วว่า ชอบที่จะเลือกรับนักศึกษาที่บอกว่าชอบมหาวิทยาลัย ซึ่งมีนักศึกษา 9,700 คนแห่งนี้และเลือกที่จะเรียนที่นี่เป็นที่แรก
Lee Stetson หัวหน้าฝ่ายรับนักศึกษาชี้ว่า ยิ่งเขารับนักศึกษา ที่อยากมาเรียนที่นี่มากขึ้นเท่าใด มหาวิทยาลัยนี้ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เพราะการรับนักศึกษาที่ชอบมหาวิทยาลัยเข้ามา ทำให้นักศึกษาใหม่สามารถปรับตัวเข้ากับมหาวิทยาลัยได้อย่างรวดเร็ว
สบายสุดๆ เหมือนรีสอร์ต
Paul Smith's College, Paul Smiths, New York
มหาวิทยาลัยซึ่งเน้นการสอนด้านอาชีวะและตั้งอยู่บนเทือกเขา Adirondack ในรัฐนิวยอร์ก มีบรรยากาศซึ่งให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา ชีวิตของนักศึกษาที่นี่ไม่เหมือนชีวิตในมหาวิทยาลัย แต่เหมือนกับอยู่ในโรงแรม Paul Smith's Hotel
มหาวิทยาลัยมีเนื้อที่กว้างถึง 14,200 เอเคอร์แต่มีนักศึกษาเพียง 850 คน ส่วนคณะที่เรียนมีตั้งแต่ชีววิทยา ธุรกิจไปจนถึงป่าไม้ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมประเภทเดินไกล ด้วยรองเท้าสกีและรองเท้าลุยหิมะ มีแม้กระทั่งการตั้งทีมคนป่าของนักศึกษาหญิงที่เล่นขว้างขวานและลากซุง มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังเป็น เจ้าของและบริหารโรงแรมที่มีชื่อว่า Hotel Saranac ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ
แปลและเรียบเรียงจาก Newsweek
5 กันยายน 2548
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
|