Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กันยายน 2548
ยุติปัญหา “โทล์เวย์”เสนอซื้อหุ้นละ 5-9 บาท             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
Stock Exchange




คณะกรรมการแก้ไขข้อพิพาท ปัญหาดอนเมืองโทลล์เวย์ สรุป 2 แนวทางเสนอ รมว.คลัง-คมนาคม สัปดาห์นี้ ทางแรกขยายระยะเวลาสัมปทาน 6 ปี แลก ลดค่าผ่าน 5 ปี ส่วนแนวทางที่สองคือ เสนอ ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด ในราคาตั้งแต่ 5 บาท ถึง 9 บาท เพื่อแก้ปัญหาอื่นๆ อย่างเบ็ดเสร็จ

นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงการคลัง ในฐานะคณะกรรมการเจรจาเรื่องการแลกการขยายระยะเวลาสัมปทานกับการลดค่าผ่านทางของบริษัททาง ด่วนยกระดับดอนเมือง จำกัด หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้คณะกรรมการฯ จะเสนอผลสรุปแนวทางของเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนที่จะเสนอให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบพิจารณาต่อไป

โดยแนวทางที่จะเสนอนั้น จะมี 2 แนวทาง แนวทางแรก คือ การขยายระยะเวลาสัมปทานให้อีก 6 ปี เพื่อแลกกับการลดค่าผ่านทาง 5 ปี คือ อัตรา 20 บาทตลอดเส้นทางในช่วงปีแรก และในอัตรา 20 บาท กับอีก 10 บาทในส่วนต่อขยาย ในช่วง 4 ปีถัดไป

ส่วนแนวทางที่สอง คือ การขอเสนอซื้อหุ้น จากบริษัทฯ ทั้งหมดจำนวน 450 หุ้น เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุมทั้งในเรื่องของการเชื่อมโยงโครงข่ายการจราจรแบบเบ็ดเสร็จในอนาคต การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างภาครัฐและบริษัทฯ และสุดท้าย คือ แก้ปัญหาให้แก่ผู้ถือหุ้นต่างชาติที่ต้องการจะขายหุ้น คืนให้แก่ทางการ ซึ่งแนวทางนี้จะมีการเสนอราคา ซื้อไว้หลายราคา ได้แก่ ราคาหุ้นละ 5 บาท 6 บาท 7 บาท และ 9 บาท ขึ้นอยู่กับตัวแปร 2 ตัวที่แตกต่างกัน คือ 1. ความเสียหายที่แท้จริง และ 2. ปริมาณการจราจรในช่วงระยะเวลาสัมปทานที่เหลืออีก 17 ปี

"ที่ต้องเสนอราคาซื้อไว้หลายช่วง ก็เพราะเราไม่รู้ว่าความเสียหายจริงๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใคร อย่าง เรื่องการสร้างทาง Local Road ที่ทางบริษัทมองว่าภาครัฐทำให้เขาเกิดความเสียหาย เช่นเดียวกับเรื่องปริมาณการจราจรที่ไม่แน่นอน ในช่วงระยะเวลาสัมปทานที่เหลืออีก 17 ปี ซึ่งทาง บริษัทฯ ใช้ตัวเลขความเสียหาย 15,000 ล้านบาท บวกกับมูลค่าทางธุรกิจในการคำนวณ ทำให้ราคา หุ้นสูงถึง หุ้นละ 18-19 บาท แต่เขาเสนอขายในราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท แต่ราคาที่เราประเมินว่าเหมาะสมอยู่ที่ 5 บาทกว่าๆ เท่านั้น"

นางสุภา กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวมองว่า ถ้ามีงบประมาณจำกัด ควรเลือกแนวทางแรก เพราะการนำเงินงบประมาณมาซื้อหุ้นเท่ากับเป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษีทั้งประเทศ ขณะที่ผู้ได้รับประโยชน์ คือ ผู้ที่ใช้เส้นทางดังกล่าว ซึ่งเป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งในกรุงเทพฯ เท่านั้น และแม้ว่าจะใช้เงินของกรมทางหลวงที่มีอยู่ประมาณ 8,000 ล้านบาทก็ตาม เพราะเงินจำนวนนี้ ควรนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนรวมของประเทศมากกว่า

อย่างไรก็ตาม หากเลือกแนวทางนี้ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อพิพาทในปัจจุบัน รวมถึงปัญหาที่ผู้ถือหุ้นต่างชาติต้องการขาย และปัญหา ข้อพิพาทระหว่างบริษัทและภาครัฐในอนาคต เช่น บริษัทฯ อาจฟ้องร้องภาครัฐอีกหากมีการสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินไปรังสิต เป็นต้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us