กระแสตื่นทองมาแรง บลจ.ทหารไทยได้ฤกษ์เปิดตัวกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ (TMB Gold Fund) มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 800 ล้านบาท ลงทุนใน Street Track Gold Trust คาดเปิดขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมนี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมลงทุนต่างประเทศ (FIF) โดยกองทุนที่ออกมีนโยบายลงทุนในทองคำ ผ่าน Street Track Gold Trust ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ ซึ่งมีปริมาณทองคำ 99.99%
สำหรับกองทุนรวมลงทุนต่างประเทศ (FIF) ที่ออกภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ (TMB GOLD FUND) มูลค่าโครงการ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 800 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือน ธันวาคมนี้
"สาเหตุที่เราเลือกลงทุนในทองคำ เนื่องจากถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง และที่สำคัญวัฏจักรการเคลื่อนไหวของผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำไม่เหมือน กับการลงทุนในตลาดหุ้น และที่สำคัญเรามองว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ น่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เพราะได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นแคทรีน่า ขณะที่เงินเฟ้อ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่ม ทำให้จำเป็นต้องหาลู่ทางการลงทุนที่ในระยะยาวแล้วชนะเงินเฟ้อ และที่สำคัญการลงทุนทองคำไม่ใช่ของใหม่สำหรับคนในต่างจังหวัด หรือคนในกรุงเทพฯที่มีการลงทุนในทองคำ" นางโชติกากล่าว
นางโชติกากล่าวว่าการลงทุน ในทองคำไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทย ที่มีการออมผ่านการซื้อทองคำรูปพรรณ หรือทองคำแท่ง ยกตัวอย่างเช่น คนในต่างจังหวัด หลังจากที่ได้รับเงินเดือนคนก็จะหันมาซื้อทองคำรูปพรรณ เพื่อเป็นเครื่องประดับ เพราะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ หากเกิดภาวะฉุกเฉินที่ต้องการใช้เงิน ขณะที่คนกรุงเทพฯ ที่มีรายได้สูงหรือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ก็จะซื้อทองคำแท่ง เพื่อกระจายการลงทุน การลงทุนในช่วงที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง จำเป็นต้องมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุน และเชื่อว่าในระยะยาวการลงทุนผ่านทองคำผลตอบแทนน่าจะชนะเงินเฟ้อ
กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทหารไทย กล่าวว่า นอกเหนือจากการออกกองทุน FIF ที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำแล้ว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ การออกกองทุน FIF ที่มีนโยบายในตราสารหนี้ หรือลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุน และการกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาทองคำตั้งแต่ต้นปี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2548 ทองคำแท่งราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 8,050 บาท ราคาขายอยู่ที่ 8,150 บาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง 96.5% หรืออยู่ที่ 9,050 บาท ราคาขาย 9,150 บาท ทองคำรูปพรรณราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 8,974.72 บาท และราคาขายอยู่ที่ 9,350 บาท
นั่นหมายความว่า หากซื้อทองคำแท่งตั้งแต่ต้นปีและขายออกเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา จะมีกำไรทันที 1,000 บาท หรือผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 12.42%
ส่วนราคาทองคำ 96.5% ในตลาดต่างประเทศ ราคาปิด ณ วันที่ 24 ก.ย. ตลาดนิวยอร์กปิดที่ 464.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ตลาดลอนดอนปิดที่ 462.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
|