|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"พาณิชย์" บีบชาเขียวลดราคา ขอต้นทุนย้อนหลัง 2 ปีเพื่อมาคำนวณ ชี้ชัด 20 บาทแพงเกินเหตุ เล็งบีบราคาให้ต่ำกว่า 15 บาทเพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่ ต.ค.นี้เป็นต้นไป ด้าน "เสี่ยตัน" ยันราคา 20 บาทเหมาะสมแล้ว เพราะต้นทุนมีหลากหลาย
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ สั่งการให้กรมการค้าภายในไปศึกษาข้อมูลของ ตลาดเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม เพื่อดูต้นทุนที่แท้จริงย้อนหลัง 2-3 ปี ว่าสอดคล้องและเหมาะสมกับราคาที่ขายหรือไม่ และขอให้มีการทบทวนราคาที่เหมาะสมอย่าง เร่งด่วน หลังจากพบว่าเครื่องดื่มประเภทดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตและราคาขายแตกต่าง กันมาก โดยมีต้นทุนการผลิตขวดที่ถือเป็นต้นทุนหลักประมาณขวดละ 4-5 บาท ขณะที่ราคาขายขนาด 500 ซีซี ขายที่ราคา 20 บาท
ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้น และภายใต้ข้อมูลดังกล่าว เครื่องดื่มชาเขียวสามารถลดราคาได้กว่าที่ขายกันอยู่ในปัจจุบันที่ขวดละ 20 บาทได้ และน่าจะขายได้ต่ำกว่าขวดละ 15 บาทด้วยถึงจะเป็นราคาที่เหมาะสม และไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
"ครั้งนี้ผมเอาจริง เพราะดูจากน้ำอัดลมที่มีต้นทุนการผลิตเป็นขวดเหมือนกัน คือ ตกขวดละ 4-5 บาท แต่เป็นแบบชนิดคืนขวด ยังสามารถขายราคา 7 บาทในขวดขนาด 280 ซีซีเลย ซึ่งอาจจะขอให้ผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มปรับลดราคาสินค้าลง โดยจะพยายามให้เริ่มทยอยปรับลดราคาลงตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป" นายปรีชากล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้ขอให้กรมการค้าภายในทำหนังสือถึงผู้ผลิตเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มรายใหญ่ 3-4 ราย ให้จัดทำข้อมูลรายละเอียดของต้นทุนการผลิตและการขายย้อนหลัง 2-3 ปีมายังกรมการค้าภายในแล้ว เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาถึงราคาขายที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ ชาเขียวยังไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในสินค้า ติดตามดูแลของกรมการค้าภายใน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตั้งราคาจำหน่ายเท่าใดก็ได้ และไม่จำเป็น ต้องแจ้งการตั้งราคามายังกรมการค้าภายใน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการปรับรายการ สินค้าติดตามดูแลของกรมการค้าภายในจาก 120 รายการเป็น 150 รายการ จึงได้มีการเพิ่มรายการของชาเขียวเข้ามาด้วย
ทำให้จากนี้ไป ผู้ประกอบการจะต้องแจ้งต้นทุน หากจะมีการปรับราคา หรือกรมการค้าภายในอาจจะ มีมาตรการใดๆ เพิ่มเติมได้ หากเห็นว่าสินค้าที่จำหน่าย อยู่มีราคาไม่เป็นธรรม และมีผลกระทบต่อผู้บริโภค
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ต้นทุน ในการผลิตชาเขียวไม่สูงมากนัก เฉพาะในส่วนของน้ำชาไม่กี่บาท จะหนักก็ที่ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ และค่าโฆษณา ซึ่งจริงๆ แล้วราคาจำหน่ายควรจะถูกกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่จะเป็นเท่าใดก็ต้องรอผลจากการที่ผู้ประกอบการแจ้งรายละเอียดของต้นทุนเข้ามาก่อน ถึงจะพิจารณาได้
"เมื่อเทียบกับน้ำชาตามร้านทั่วๆ ไป ใส่นม ใส่น้ำตาล ยังขายไม่ถึง 10 บาท ถ้าชาเปล่าให้กินฟรี ส่วน ชาเขียวใส่ขวดก็เหมือนกัน ต้นทุนคือน้ำชา กับบรรจุภัณฑ์ ก็ต้องไปคุยกับผู้ผลิตว่าต้นทุนมันไปเพิ่ม ตรงไหนมากถึงต้องขาย 20 บาท จะลดราคาลงมาได้หรือไม่ และลดได้เท่าไร" แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการ บริษัทโออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มไม่ได้มีต้นทุนการผลิตที่ขวดและสินค้าอย่างเดียว แต่ยังมีต้นทุนอื่นๆ ด้วย เช่น ค่าขนส่ง ค่าจัดวางสินค้า ค่าขายสินค้าหรือเปอร์เซ็นต์จำหน่ายที่ให้ร้านค้าและตัวแทนจำหน่าย กำไรที่ให้ร้านค้า ค่าโฆษณา และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งราคา 20 บาทถือเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว
นอกจากนี้ กลไกตลาดในปัจจุบันยังไม่สามารถ ทำให้ผู้ผลิตขายในราคาที่สูงกว่าคู่แข่งได้มากนัก และการทำตลาดในภาวะที่มีการแข่งขันดุเดือดและรุนแรง ผู้ผลิตยังมีการจัดรายการโปรโมชันลด แลก แจก แถม กันอีก ซึ่งหากดูกันดีๆ แล้วเครื่องดื่ม ชาเขียวพร้อมดื่มที่ขายอยู่ในท้องตลาดมีราคาขายไม่ถึงขวดละ 20 บาทด้วยซ้ำ
"ต้นทุนการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มกับน้ำอัดลมไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะน้ำอัดลม ต้นทุนขวดจะเป็นแบบคืนขวดซึ่ง 1 ขวด สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 10-20 ครั้ง ขณะที่ชาเขียว 1 ขวดใช้ได้ 1 ครั้ง ในทางปฏิบัติไม่สามารถ นำมาเปรียบเทียบและให้เครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มขายราคาเดียวกับน้ำอัดลมได้" นายตันกล่าว
|
|
|
|
|