OCBC กลุ่มธนาคารอันดับสองในสิงคโปร์ที่เติบใหญ่และมีจุดแข็งมาจากลูกค้าประเภท
"Traditional Consumer" และธุรกิจ "Commercial Banking" ซึ่งพวกเขาพิจารณาแล้วว่า
การทำงานอยู่บนแนวคิด "Conservative Bank" เป็นสิ่งที่มั่นคงและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบเศรษฐกิจใหม่ ที่มีผู้เล่นระดับโลกเข้ามาพร้อมกับนโยบายเชิงรุกสำหรับการแสวงหาโอกาส
ซึ่งเป็นความท้าทายของ OCBC ครั้งสำคัญ เนื่องจากหากไม่ปรับตัว ไม่มีใบประกันถึงความอยู่รอดปลอดภัย
พวกเขาจึงร่วมกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทที่ปรึกษา เพื่อสร้างธนาคารอินเทอร์เน็ต
(Internet Bank)
finatiQ.com เป็นความสำเร็จของโครงการพัฒนากลยุทธ์ eCommerce ที่เอคเซนเชอร์ได้พัฒนาให้ธนาคาร
OCBC ในปี 2542 แนวคิดเกิดจากความพยายามที่จะพัฒนาศักยภาพ โดยใช้ใบอนุญาตประกอบการ
(Dormant Banking License) จากการที่ OCBC ผนวกกิจการกับ Bank of Singapore
โดยมีการแยกการให้บริการของธนาคาร และ finatiQ อย่างชัดเจน
OCBC ให้บริการต่างๆ เหมือนธนาคารพาณิชย์ปกติทั่วไป ขณะที่ finatiQ ให้บริการบนอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียวโดยให้บริการความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
ดังนั้นการให้บริการดังกล่าวจึงต้องร่วมมือกับผู้ให้บริการการเงินต่างๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถหาผู้ให้บริการ
ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนตรงความต้องการได้
"เราเชื่อว่า Wealth Management เป็นช่องทางธุรกิจที่สามารถดึงดูดลูกค้าและ
ช่วยสร้างการเติบโตที่มีเสถียรภาพ" เคนนาร์ด วอตโทวา (Kennard Wattowa) กรรมการกลุ่มปฏิบัติการธุรกิจสถาบันการเงิน
และการธนาคารเอคเซนเชอร์ ประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าโครงการ finatiQ.com กล่าว
finatiQ เน้นที่ Wealth Management ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตในสิงคโปร์และภูมิภาคนี้
การให้บริการครอบคลุมถึงด้านออมทรัพย์ การลงทุนทรัสต์ออนไลน์และการซื้อประกันภัย
โดยมีเครื่องมือสนับสนุน ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถกำหนดบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ตามความต้องการของตนเอง
"การบริการมีความหลากหลายเป็น ทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค โดยมีค่าธรรมเนียมต่ำ
ซึ่งเป็นสิ่งที่คนสิงคโปร์ต้องการและเห็น ว่ามีความคุ้มค่า" วอตโทวาเล่า
"อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกค้าจำเป็นต้องมีความพร้อมและ ความเข้าใจเพื่อช่วยในการตัดสินใจใช้บริการ
และตัดสินใจที่จะลงทุนระยะยาวผ่านระบบอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น"
ภารกิจของวอตโทวา ที่ย้ายเข้ามาในเอเชียเมื่อ 3 ปีก่อน ก็คือ การจัดตั้ง
"ธนาคารอินเทอร์เน็ต" ยังเป็นธนาคารที่ดำเนินการบนอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์แบบแห่งแรกของเอเชีย
ให้กับกลุ่มธนาคาร OCBC หลังจากนั้นก็มีธนาคารอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกันนี้อีกหลายแห่งในญี่ปุ่นเข้ามาร่วมให้บริการ
อาทิ ธนาคารเจแปนเน็ตแบงก์ (The Japan Net Bank) ธนาคารโซนี่แบงก์ (SonyBank)
และอี-แบงก์ (eBank)
จากประสบการณ์การเปิดตัวธุรกิจธนาคารอินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกา ที่วอตโทวาเคยดำเนินการ
ทำให้ได้รับการแต่งตั้งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ finatiQ หน้าที่ของเขา
คือ การปรับกลยุทธ์ให้ดีขึ้นและดูแลการพัฒนาความสามารถ โดยส่วนใหญ่แล้ว finatiQ
ใช้โครงสร้างที่แยกจากโครงสร้างพื้นฐานของธนาคาร OCBC โดยเด็ดขาด
ในด้านราคาค่าบริการ finatiQ ต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ
ว่า โครงสร้างราคาค่าบริการนั้นจะไม่ทำให้ผู้ให้บริการเหล่านั้น เกิดปัญหาการสูญเสียรายได้ในการทำธุรกรรมประเภทเดียวกัน
ผ่านสาขาของผู้ให้บริการเอง ส่วนการตั้งชื่อว่า finatiQ จากการรวมเอาคำว่า
Finance และ IQ เข้าด้วยกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะในด้านการเงิน
การเปิดตัวแบรนด์ใหม่นี้เป็นเรื่องที่ใครๆ พูดถึงกันมากในสิงคโปร์ เพราะทำให้เกิดความสนใจอย่างมาก
และยังคงดำเนินการ เพื่อสร้างตลาดลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยจัดการสัมมนาและการสร้างเสริมการขายแบบ
Street Promotion
ความสำเร็จของธนาคารที่ดำเนินการและให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะนั้น
ขึ้นอยู่กับขนาดของการให้บริการซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะตัดสินว่า ประเทศไทยพร้อมหรือยังสำหรับธุรกิจนี้
อีกทั้งปัจจัยที่จะต้องนำมาพิจารณา คือ ความพร้อมของลูกค้า "เราเชื่อว่าตอนนี้ถึง
เวลาแล้วที่ธนาคารชั้นนำของไทยจะขยายการให้บริการมาสู่ Wealth Management
เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้" วอตโทวาบอก
อย่างไรก็ดี เขายังไม่คิดว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นช่องทางที่สร้างความสำเร็จได้ในไทยขณะนี้
จากธนาคารพาณิชย์ได้เพิ่มบริการและข้อเสนอมากขึ้น ทำให้ธนาคารที่ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตอย่างเดียวประสบปัญหา
"ไม่สามารถขยายฐานลูกค้าและความหลากหลายของการให้บริการ เพื่อแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ได้"
อนึ่ง เขาเชื่อว่า จากการใช้อินเทอร์เน็ตและความรู้ด้านการเงินในไทยกำลังขยายตัวและพัฒนาขึ้น
ธุรกิจธนาคารอินเทอร์เน็ตจะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต
"ไม่มีเหตุผลใดที่ธนาคารไทยจะไม่สามารถให้บริการที่ซับซ้อนกว่านี้ได้ แต่ข้อสำคัญ
คือ ความพร้อมของลูกค้าในการใช้บริการเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน"
วอตโทวากล่าว
ถ้าพูดถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งพื้นฐาน เช่น สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีลูกค้า
การทำธุรกรรมต่างๆ นั้น นับได้ว่าธนาคารส่วนใหญ่ในโลกสามารถให้บริการได้พอๆ
กัน แต่ความแตกต่างจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อเริ่มเปรียบเทียบความสามารถในเชิงลึกของการทำธุรกรรม
"Wealth Management ออนไลน์ ธนาคารชั้นนำระดับโลกสามารถให้ คำปรึกษา และเครื่องมือต่างๆ
ในการวางแผนด้านการเงินออนไลน์ได้ ธนาคาร ระดับภูมิภาคยังไม่สามารถดำเนินการได้
ยกเว้น finatiQ ผมยังไม่เคยได้ยินว่าธนาคารไทยรายใดให้บริการออนไลน์เต็ม
รูปแบบได้เช่นกัน และไม่คิดว่าขณะนี้เป็น ช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับการลงทุนสร้าง
ขีดความสามารถที่จะให้บริการเต็มรูปแบบ"
กระนั้นก็ดี ไม่สามารถอธิบายถึง ความแตกต่างระหว่าง finatiQ กับอินเทอร์เน็ตแบงก์ของธนาคารพาณิชย์ไทยได้
เนื่องจาก finatiQ ไม่ได้จัดตั้งขึ้น เพื่อทำธุรกรรมและให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ
เช่นเดียวกับธนาคารทั่วไป ขณะที่ธนาคารของไทยให้บริการพื้นฐานออนไลน์ได้