ภาพรวมการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้น ระยะยาว (LTF) สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ้นสุดวันที่ 22 กันยายน กองทุน LTF ภายใต้การบริหาร จัดการของบริษัทจัดการกองทุนมีทั้งสิ้น 25 กองทุน

กองทุน LTF 10 อันดับแรกที่ให้ผล ตอบแทนโดดเด่นประกอบด้วย

อันดับหนึ่ง กองทุน JUMBO 25 ปันผลหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.ทหารไทย ผลการดำเนินย้อนหลัง 1 เดือนให้ผล ตอบแทน 4.9356% ย้อนหลัง 3 เดือน ผลตอบแทน 10.2589% และตั้งแต่ต้นปี 12.945%
ส่วนอันดับสอง กองทุนเปิดรวงข้าว หุ้นระยะยาวปันผล ของ บลจ.กสิกรไทย ให้ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน 4.8647% ย้อนหลัง 3 เดือน 8.2408% และตั้งแต่ต้นปี 7.7258%

อันดับสาม กองทุนเปิดรวงข้าว หุ้นระยะยาว ของ บลจ.กสิกรไทย ผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือน 4.8308% ย้อนหลัง 3 เดือน 8.4138% และตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.0979%

อันดับสี่ กองทุนหุ้นระยะยาวอยุธยา SET 50 ของบลจ.อยุธยาเจเอฟ ผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือน 4.6059% ย้อนหลัง 3 เดือน 7.9138% และตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.8729%

อันดับห้า กองทุนเปิดฟินันซ่าหุ้นระยะยาว ของบลจ.ฟินันซ่า ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน 4.5613% ย้อนหลัง 3 เดือน 7.6007% และตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.1148%

อันดับหกกองทุนไอเอ็นจี ไทย บรรษัท ภิบาล หุ้นระยะยาว ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 4.3773% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 6.6341% และตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.4765%

อันดับเจ็ดกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้น ระยะยาว ของบลจ.อเบอร์ดีน ผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือน 4.2293% ย้อนหลัง 3 เดือน 9.3464% และตั้งแต่ต้นปี 18.0584%

อันดับแปด กองทุนเปิดบีโอเอ หุ้น ระยะยาว ของบลจ.บีโอเอ ผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือน 4.1831% ย้อนหลัง 3 เดือน 8.2149% และตั้งแต่ต้นปี 8.2797%

อันดับเก้า กองทุนเปิดวรรณ เอเอ็มซี เล็คทีฟ หุ้นระยะยาว ของบลจ.วรรณ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน 3.9629% ย้อนหลัง 3 เดือน 8.0738% และตั้งแต่ต้นปี 8.7416%

อันดับสิบ กองทุนธนชาต Big Cap หุ้นระยะยาว ของบลจ.ธนชาต ผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือน 3.8322% ย้อนหลัง 3 เดือน 6.688% และตั้งแต่ต้นปี 8.0349%

จากผลสำรวจ "กองทุน JUMBO 25 ปันผลหุ้นระยะยาว" ภายใต้การบริหารจัด การของ บลจ.ทหารไทย ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ้นสุดวันที่ 22 กันยายน ผลการดำเนิน ออกมาโดดเด่นที่สุด พบว่า กองทุนนี้จัดตั้ง ขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2547 มูลค่า โครงการที่ขอจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 31 สิงหาคม อยู่ที่ 215 ล้านบาท

นโยบายการลงทุน : เน้นลงทุนในหุ้น เต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรก โดยพิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการ ของบริษัท การจ่ายเงินปันผล หรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัว ของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector)
นโยบายจ่ายเงินปันผล : มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรก ของ เดือน มีนาคม และวันทำการแรกของ เดือนกันยายน โดยจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative)และตราสารหนี้ที่มีการจ่าย ผลตอบแทนอ้างอิงกับ ตัวแปร (Structure Note)

การซื้อ/ขาย หน่วยลงทุน วันซื้อ/สับเปลี่ยนหน่วย : ทุก วันทำการธนาคาร มูลค่าการซื้อแรกเริ่ม : 2,000 บาท มูลค่าการซื้อครั้งต่อไป : 1 บาท ค่าธรรมเนียมการขาย :ไม่มี วันขายหน่วย : ก่อน 13.00 น. ของวันที่ 2-16 มกราคม และ 2-16 กรกฎาคม ของทุกปี เลือก

วันที่ขายคืนได้ไม่เกิน 2 วันต่อปี มูลค่าการขายขั้นต่ำ : 1 บาท ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน : ไม่มี ยอดคงเหลือขั้นต่ำ : ไม่กำหนด

พอร์ตการลงทุน 10 อันดับแรก
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 23.64%
2. บริษัท ปตท. สำรวจและผลิต ปิโตร-เลียม จำกัด (มหาชน) 10.92%
3. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 10.23%
4. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 9.40%
5. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 6.75%
6. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 5.79%
7. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 4.97%
8. บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 4.66%
9. บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) 3.91%
10. บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) 2.43%

ความเสี่ยงหลักของกองทุนเปิด JUMBO 25 ปันผล หุ้นระยะยาว

ความเสี่ยงของตราสารทุน หุ้นเป็น ตราสารทุนซึ่งมีความ เสี่ยงสูงกว่าตราสารหนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากลำดับชั้นของการรับชำระทรัพย์สินของผู้ถือหุ้นในกรณีที่บริษัท ปิดกิจการอยู่หลังผู้ถือตราสารหนี้ทุกประเภท การลงทุนในหุ้นจึงมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับ การเป็นเจ้าของกิจการที่อาจขาดทุนหรือทำกำไร ได้มากน้อยในแต่ละปี หรืออาจขาดทุน มากจนมีความจำเป็นต้องปิดกิจการก็เป็นได้ ควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่สูงกว่า ผลตอบแทน ของการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นจะสูงกว่า ผลตอบแทนของการลงทุนในตราสารหนี้และมีความผันผวนสูงกว่ามากเช่นเดียวกับ ราคาหุ้นโดยทั่วไป

ความเสี่ยงของตลาด (Market Risk) หมายถึงโอกาสที่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยรวมจะเพิ่มสูงขึ้น หรือลดต่ำลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือระยะยาวในบางครั้ง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยทางการเมือง การคาดการณ์ของนัก ลงทุน ฯลฯ ปกติแล้วตลาดหุ้นมักจะขึ้นลง เป็นวัฏจักร (Cycle) คล้ายคลึงกับวัฏจักร เศรษฐกิจ(Economic Cycle) มีช่วงขาขึ้น (Bull market) และช่วงขาลง (Bear market) รวมทั้งมีความผันผวนในระหว่างช่วง

การที่ กองทุนจึงมีนโยบายที่จะให้น้ำหนัก การลงทุนไว้ในหุ้นเต็ม 100% (Fully Invest) ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อราคาหุ้นในตลาดที่ กองทุนถืออยู่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง มูลค่า หน่วยลงทุนก็จะลดลงตาม ซึ่งในช่วงตลาด ขาลงกองทุนอาจให้ผลตอบแทนต่ำกว่ากองทุน หุ้นอื่นๆ ที่อาจลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไป ถือเงินสดแทนได้