Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กันยายน 2548
"ไอเอ็นจี"จ่อคิวจัดเรตติ้งกองทุนชิงฐานลูกค้าเงินฝากลุยตลาดเงิน             

 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

   
search resources

ไอเอ็นจี (ประเทศไทย), บลจ.
Funds
จุมพล สายมาลา




กองทุนรวมตลาดเงินฟีเวอร์คนฝากเงินแห่โยกเงินลงทุน "ไอเอ็นจี" เสือปืนไวประกาศเพิ่มทุนกองทุนเปิด "ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์" จาก 5,000 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท รับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังดอกเบี้ยระยะสั้นยังมีแนวโน้มขยับอีก พร้อมส่งกองทุนจัดเรตติ้งภายในสิ้นปีนี้ ด้านเอ็มเอฟซีระบุเรตติ้งบลจ.น่าจะสำคัญกว่าในแง่ความแข็งแกร่ง และกลยุทธ์การลงทุน

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มทุนโครงการจัดการกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ (ING TCMF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินภายใต้การบริหารของบลจ.ไอเอ็นจี จากมูลค่าการจดทะเบียนเริ่มต้น 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การที่บริษัทขอจดทะเบียนเพิ่มขนาดกองทุนเป็น 10,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมา กองทุนรวมประเภทตลาดเงินได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในประเทศปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นักลงทุนสนใจผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก รวมทั้งไม่ต้องเสียภาษีจากอัตราดอกเบี้ย ที่ได้รับด้วย

สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ เป็นกองทุนที่มีลักษณะเป็นกองทุนเปิดสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ตลอดเวลาจึงทำให้ขนาดของกองทุน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ณ วันที่ 4 มกราคม 2548 อยู่ที่ 3,369 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,671.7285 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ณ วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งตามหลัก-เกณฑ์ในการเพิ่มทุนของ ก.ล.ต. กำหนดให้กองทุนที่ขายหน่วยลงทุนได้เกิน 75% จึงจะสามารถทำการเพิ่มทุนได้ "เชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะโตขึ้นเรื่อยๆ จากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ขยับขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผลตอบแทนของกองทุนปรับขึ้นตามไปด้วย และการที่กองทุนมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้มีผู้ลงทุนเข้า มาซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" นายจุมพลกล่าว

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในประเทศ นายจุมพลกล่าวว่าในการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ครั้งต่อไป เชื่อว่าธปท.จะขยับดอกเบี้ยขึ้นไปอีกตามแนวโน้มของตลาด ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งในแง่ผลตอบแทนและขนาดของ กองทุน ซึ่งจะมีความสอดคล้องกันไป หากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่นิ่ง กองทุนประเภทนี้ก็จะนิ่งตาม

นายจุมพลกล่าวถึงการจัดเรตติ้งกองทุนว่า ในที่สุดแล้วเชื่อว่าทุกบลจ.จะต้องมีการจัดทำเรตติ้ง ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นของอุตสาห-กรรมหลังจากที่บางแห่งเริ่มทำไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อผู้ลงทุนเองและผู้ออกกองทุนด้วย

สำหรับบลจ.ไอเอ็นจี ก็จะนำกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ เพื่อให้บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จัดเรตติ้งกองทุนเช่นกัน ซึ่งการที่บริษัทเลือกกองทุนดังกล่าวเนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการเติบโตดี และได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนค่อนข้างมาก โดยคาดว่าทางฟิทซ์ เรทติ้งส์ น่าจะสามารถพิจารณาให้เรตติ้งกองทุนได้เสร็จสิ้นภายในปีนี้

"กองทุนนี้เป็นกองทุนที่ขายได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งการจัดเรตติ้งจะช่วยให้กองทุนมีผลเชิงบวกมากขึ้น และเป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เชื่อว่าทุกคนจะต้องทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน" นายจุมพลกล่าว

ด้านนายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทุนรวมประเภทตลาดเงินที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกองทุนที่ไม่มีความเสี่ยง และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก

ทั้งนี้ เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ระยะสั้นจะค่อยๆ ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จาก ช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับ 2.2-2.5% และขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.7-2.8% ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะสามารถขยับขึ้นไปถึง 3% ในช่วงสิ้นปีนี้ บวกกับการที่ ธปท. น่าจะมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในอัตรา 0.50% ภายในปีนี้ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ เชื่อว่าจะเริ่มปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงปีหน้า

สำหรับการจัดเรตติ้งกองทุนนั้นนายศุภกรกล่าวว่าถ้าเป็นกองทุน ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้วด้วยรูปแบบ และนโยบายการลงทุนขายได้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทน หรือความน่าเชื่อถือของกองทุน ซึ่งการจัดเรตติ้งนั้น มีความจำเป็นน้อยกว่าหากเปรียบเทียบกับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้หรือตั๋วเงินเอกชนที่มีความจำเป็นมากกว่า

นายศุภกรกล่าวว่า สำหรับบลจ.เอ็มเอฟซี หากจะมีการจัด เรตติ้ง มองว่าเรตติ้ง บลจ.น่าจะมีความสำคัญมากกว่าซึ่งรวมถึงการจัดเรตติ้งสำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศด้วย เนื่องจากการจัดเรตติ้ง บลจ.นั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ บลจ. และกลยุทธ์การลงทุนที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้มากกว่า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us