กองทุนรวมตลาดเงินฟีเวอร์คนฝากเงินแห่โยกเงินลงทุน "ไอเอ็นจี" เสือปืนไวประกาศเพิ่มทุนกองทุนเปิด "ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์" จาก 5,000 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท รับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังดอกเบี้ยระยะสั้นยังมีแนวโน้มขยับอีก พร้อมส่งกองทุนจัดเรตติ้งภายในสิ้นปีนี้ ด้านเอ็มเอฟซีระบุเรตติ้งบลจ.น่าจะสำคัญกว่าในแง่ความแข็งแกร่ง และกลยุทธ์การลงทุน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มทุนโครงการจัดการกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ (ING TCMF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินภายใต้การบริหารของบลจ.ไอเอ็นจี จากมูลค่าการจดทะเบียนเริ่มต้น 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การที่บริษัทขอจดทะเบียนเพิ่มขนาดกองทุนเป็น 10,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมา กองทุนรวมประเภทตลาดเงินได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในประเทศปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นักลงทุนสนใจผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก รวมทั้งไม่ต้องเสียภาษีจากอัตราดอกเบี้ย ที่ได้รับด้วย
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ เป็นกองทุนที่มีลักษณะเป็นกองทุนเปิดสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ตลอดเวลาจึงทำให้ขนาดของกองทุน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี
โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ณ วันที่ 4 มกราคม 2548 อยู่ที่ 3,369 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,671.7285 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ณ วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งตามหลัก-เกณฑ์ในการเพิ่มทุนของ ก.ล.ต. กำหนดให้กองทุนที่ขายหน่วยลงทุนได้เกิน 75% จึงจะสามารถทำการเพิ่มทุนได้ "เชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะโตขึ้นเรื่อยๆ จากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ขยับขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผลตอบแทนของกองทุนปรับขึ้นตามไปด้วย และการที่กองทุนมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้มีผู้ลงทุนเข้า มาซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" นายจุมพลกล่าว
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในประเทศ นายจุมพลกล่าวว่าในการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ครั้งต่อไป เชื่อว่าธปท.จะขยับดอกเบี้ยขึ้นไปอีกตามแนวโน้มของตลาด ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งในแง่ผลตอบแทนและขนาดของ กองทุน ซึ่งจะมีความสอดคล้องกันไป หากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่นิ่ง กองทุนประเภทนี้ก็จะนิ่งตาม
นายจุมพลกล่าวถึงการจัดเรตติ้งกองทุนว่า ในที่สุดแล้วเชื่อว่าทุกบลจ.จะต้องมีการจัดทำเรตติ้ง ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นของอุตสาห-กรรมหลังจากที่บางแห่งเริ่มทำไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อผู้ลงทุนเองและผู้ออกกองทุนด้วย
สำหรับบลจ.ไอเอ็นจี ก็จะนำกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ เพื่อให้บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จัดเรตติ้งกองทุนเช่นกัน ซึ่งการที่บริษัทเลือกกองทุนดังกล่าวเนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการเติบโตดี และได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนค่อนข้างมาก โดยคาดว่าทางฟิทซ์ เรทติ้งส์ น่าจะสามารถพิจารณาให้เรตติ้งกองทุนได้เสร็จสิ้นภายในปีนี้
"กองทุนนี้เป็นกองทุนที่ขายได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งการจัดเรตติ้งจะช่วยให้กองทุนมีผลเชิงบวกมากขึ้น และเป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เชื่อว่าทุกคนจะต้องทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน" นายจุมพลกล่าว
ด้านนายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทุนรวมประเภทตลาดเงินที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกองทุนที่ไม่มีความเสี่ยง และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก
ทั้งนี้ เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ระยะสั้นจะค่อยๆ ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จาก ช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับ 2.2-2.5% และขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.7-2.8% ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะสามารถขยับขึ้นไปถึง 3% ในช่วงสิ้นปีนี้ บวกกับการที่ ธปท. น่าจะมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในอัตรา 0.50% ภายในปีนี้ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ เชื่อว่าจะเริ่มปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงปีหน้า
สำหรับการจัดเรตติ้งกองทุนนั้นนายศุภกรกล่าวว่าถ้าเป็นกองทุน ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้วด้วยรูปแบบ และนโยบายการลงทุนขายได้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทน หรือความน่าเชื่อถือของกองทุน ซึ่งการจัดเรตติ้งนั้น มีความจำเป็นน้อยกว่าหากเปรียบเทียบกับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้หรือตั๋วเงินเอกชนที่มีความจำเป็นมากกว่า
นายศุภกรกล่าวว่า สำหรับบลจ.เอ็มเอฟซี หากจะมีการจัด เรตติ้ง มองว่าเรตติ้ง บลจ.น่าจะมีความสำคัญมากกว่าซึ่งรวมถึงการจัดเรตติ้งสำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศด้วย เนื่องจากการจัดเรตติ้ง บลจ.นั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ บลจ. และกลยุทธ์การลงทุนที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้มากกว่า
|