Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2545
โรงเบียร์ก็ต้องมีไอที             
โดย ไพเราะ เลิศวิราม
 


   
search resources

โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง
สุพจน์ ธีระวัฒนชัย




แม้ว่าส่วนตัวสุพจน์ ธีระวัฒนชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทโรงเบียร์ตะวันแดง แทบไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์มาก่อน แต่เมื่อต้องมาเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารขนาดใหญ่ ระบบไอทีกลับไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา เพราะคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ทำให้เขาสามารถบริหารร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่มีลูกค้าไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000-3,000 ราย

"ร้านอาหาร ถ้าบริการไม่ดี อาหารมาช้า ต้องรอกันเป็นชั่วโมง ต่อให้อร่อยยังไงก็ไม่เอา" สุพจน์บอก

นี่เองที่ทำให้สุพจน์มองหาเครื่องมือมาช่วยให้ร้านอาหาร สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกๆ ด้าน ไม่เพียงแค่เบียร์ที่กลั่นกันสดๆ กลางร้านตามสูตรของเยอรมันแบบดั้งเดิม ที่เป็นจุดขายของร้านเท่านั้น แต่ยังต้องรวมไปถึงความรวดเร็วในการให้บริการที่ต้องทันกับความต้องการ ของลูกค้า

โจทย์เหล่านี้ถูกโยนให้กับสุธรรม ธีระวัฒนชัย น้องชายที่ร่ำเรียนทางสายงานด้านคอมพิวเตอร์มา ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงดอกเตอร์ และเป็นนักวิจัยที่เคยทำงานอยู่ในเนคเทค ที่เข้ามาช่วยสร้างระบบบริหารร้าน โดยใช้ระบบไอทีเป็นเครื่องมือตั้งแต่เริ่มต้นเปิดร้านเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

แม้ว่าระบบไอทีที่ใช้บริหารร้านอาหารก้าวไปถึงขั้นการใช้ระบบ Touch Screen แต่สำหรับที่นี่เป็นเพียงระบบปฏิบัติการยุคเก่าอย่างระบบ DOS ธรรมดาๆ ที่ เชื่อมโยงข้อมูลภายในร้าน แต่เมื่อพวกเขานำมาใช้อย่างเหมาะสมก็สามารถบริหารร้านอาหารขนาดใหญ่นี้ได้อย่างดี

กลไกการบริหารร้าน ที่มีระบบไอที มาประยุกต์ แบ่งออกเป็น 3 จุดหลักๆ ทันทีที่พนักงานรับออร์เดอร์อาหารจากลูกค้า จะนำไปให้แคชเชียร์เพื่อลงบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ซึ่งออร์เดอร์จะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ตั้งแต่เลขที่นั่งโต๊ะ รหัส อาหาร รหัสบริกร รหัสแคชเชียร์ วัน เวลา จำนวน ราคาต่อหน่วย จากนั้นจะพิมพ์ออก มาเป็นใบออร์เดอร์ ขั้นตอนที่ว่านี้เรียกว่า print order waiter

กรณีที่เป็นเครื่องดื่ม พนักงานจะนำ ออร์เดอร์มาที่แคชเชียร์ เพื่อลงบันทึกรายการ ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ และพิมพ์ออกมาเป็นรายการ เพื่อนำเครื่องดื่มออกจากจุดออกของและนำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้ทันที ซึ่งจุดออกของจะออกให้เฉพาะออร์เดอร์ ที่ออกมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์จากแคชเชียร์เท่านั้น

หากเป็นรายการอาหาร ออร์เดอร์อาหารของลูกค้าจะออนไลน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของแคชเชียร์ ไปยังห้องครัวโดยตรง ไม่ต้องผ่านพนักงานบริกร ซึ่งครัวของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ครัวนึ่ง ครัวเผา และครัวใหญ่ ฐานข้อมูลรหัสอาหารที่แยกตามประเภทของอาหาร จะทำให้ออร์เดอร์ถูกส่งผ่านไปตามประเภทของครัวอย่างเหมาะสมได้ทันที

ด้วยระบบเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานระหว่างพนักงานบริกร แคชเชียร์ และครัว ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับร้านอาหารขนาดใหญ่ มีที่นั่ง 1,200 ที่นั่ง และมีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามา 2,000-3,000 คน

กลไกที่ว่านี้นอกจากทำให้เกิดความแม่นยำ ไม่ผิดพลาด ยังรวมไปถึงความรวดเร็ว ที่ทำให้พวกเขาสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ภายในเวลา 10 นาที ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สุพจน์กำหนดไว้ ตั้งแต่ลูกค้าสั่งออร์เดอร์จนอาหารมาถึงโต๊ะภายในเวลาอันสั้น

นอกจากนี้ ฐานข้อมูลที่ถูกบันทึก อยู่ในคอมพิวเตอร์ไม่เพียงช่วยให้เกิดความ รวดเร็วและแม่นยำในการรับออร์เดอร์จากลูกค้า โดยใช้รหัสของข้อมูลมาเป็นตัวช่วย แต่ยังรวมไปถึงการบริหารคลังสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตเบียร์ ที่ถือเป็นสินค้าหลักของร้าน

สุพจน์ยกตัวอย่าง การที่เขาไม่เพียง แต่รู้ยอดขายในแต่ละวันได้ทันที แต่ยังสามารถคาดการณ์ยอดขายในแต่ละวันได้ล่วงหน้า

"เราสามารถรู้แม้กระทั่งว่าแก้วใส่เบียร์ทรงไหนขายดี จะได้เตรียมคนล้างแก้วได้ทัน หรือช่วงเวลาไหนลูกค้าจะเข้ามาเยอะ หรือโซนไหน พื้นที่ไหนที่ลูกค้านั่งแช่นานที่สุด"

การรับรู้ข้อมูลปริมาณการบริโภคเบียร์ของลูกค้าที่รวดเร็วจากการใช้ฐานข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้การจัดเตรียมวัตถุดิบ เพื่อใช้ผลิตเบียร์ ที่ต้องนำเข้าจากประเทศเยอรมนี ซึ่งต้องใช้เวลา 1 เดือนครึ่ง กว่าที่วัตถุดิบเหล่านี้จะมาถึงไทย เพื่อจัดสรรได้อย่างเหมาะสม

"เราจะรู้ได้ทันทีว่า วันนี้เราขายเบียร์ ได้เท่าไร ตัวไหนขายดีกว่าเพื่อน เนื่องจาก เบียร์ต้องเตรียมการผลิตล่วงหน้า 1 เดือน ข้อมูลต้องส่งให้ Brew Master ซึ่งจะต้องคำนวณได้ว่าแผนการผลิตต่อจากนี้จะเป็น อย่างไร"

ฐานข้อมูลจากระบบไอทีแบบธรรมดา ไม่ได้ช่วยในเรื่องการผลิตเบียร์เท่านั้น แต่รวมไปถึงการจัดเตรียมวัตถุดิบที่ใช้ผลิตอาหาร ข้อมูลที่ระบุถึงจำนวนลูกค้าในแต่ละวัน และค่าเฉลี่ยการบริโภคของลูกค้าแต่ละราย ปริมาณการขายเหล่านี้จะส่งผลถึงการจัดเตรียมวัตถุดิบให้พอเพียงกับการใช้งานในแต่ละวัน จะมีผลต่อคุณภาพความสดของอาหาร การเตรียม กำลังคน และการบริหารต้นทุนอย่างเห็นผล

ข้อมูลที่สามารถระบุถึงช่วงเวลาหนาแน่นที่สุดที่ลูกค้าใช้บริการ และมีจำนวนเท่าใด ช่วงเวลาไหนที่ขายดีที่สุด ผลที่ตามมาก็คือ การจัดกำลังคน วัตถุดิบ ที่ต้องถูกจัดเตรียมพร้อมไว้แล้ว

การคาดการณ์ในลักษณะนี้ ทำให้การจัดสรรวัตถุดิบถูกแบ่งตามปริมาณการขายในแต่ละสัปดาห์ ที่จะแบ่งออกเป็นช่วงศุกร์ เสาร์ จะเป็นวัตถุดิบหมวด A ซึ่งจำเป็นต้องจัดเตรียมวัตถุดิบไว้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่อาทิตย์และจันทร์ ซึ่งมีปริมาณน้อยที่สุด อยู่ในหมวด B ส่วนวันอังคาร พุธ และพฤหัส จะเป็นหมวด C ซึ่งมีความต้องการรองลงมา

นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าข้อมูลการขายเหล่านี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านการตลาด เช่น การทดสอบตลาดกรณีที่ออกเมนูใหม่ๆ ว่าได้รับการตอบรับแค่ไหนหรือ เมนูไหนที่ขายดี แม้แต่การจัดกิจกรรมร่วมกับสมาชิกของโรงเบียร์ตะวันแดงที่มีอยู่ 4,000 ราย ที่จะได้มาจากค่าความถี่ของการใช้บริการของสมาชิก

"ประเด็นสำคัญ คือ การเตรียมคน ช่วงไหนอาหารขายดี สมาชิกใช้บริการเฉลี่ยเท่าไร ช่วงไหนพื้นที่ไหนลูกค้านั่งแช่นานที่สุด การตอบรับของเมนูใหม่ๆ มีค่าเฉลี่ยอยู่เท่าไร เช่น ถ้าเราขายได้ 10 จาน ต่อลูกค้า 1,000 คน ก็ถือว่าโอเคแล้วสำหรับ การเริ่มต้น"

แต่กว่าระบบจะลงตัวได้ สุพจน์บอกว่า ต้องใช้เวลาปรับปรุงแก้ไขอยู่ถึง 6 เดือนเต็ม ใช้เงินไปประมาณ 5 แสนบาท เพื่อซื้อซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ และพรินเตอร์ในการสร้างระบบ การรับพนักงาน

"ถ้าไม่มีระบบไอทีมาช่วย เราก็ไม่สามารถขยายร้านได้ขนาดนี้ ระบบ Manual ใช้ได้ แต่ไม่ได้เรื่องความเร็ว และ ความแม่นยำ ถ้าเป็นร้านเล็กๆ ก็ทำได้ แต่ ถ้าเป็นร้านขนาดใหญ่ ระบบไอทีเป็นเรื่องจำเป็น"

ปัจจุบันโรงเบียร์ตะวันแดงอยู่ระหว่าง การศึกษาเพื่อเปลี่ยนจากระบบ DOS มาเป็นระบบ Window เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์มากขึ้น เช่น ระบบไดเร็กต์เมล์ไปถึงลูกค้า เป็นเรื่องที่จะขยายต่อไป

และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของโรงเบียร์ตะวันแดง ที่ความสำเร็จ ของโรงเบียร์แห่งนี้ไม่ได้อยู่ที่กลิ่นอายของเบียร์เยอรมัน รสชาติอาหารแบบไทยๆ บวกผสมด้วยบรรยากาศของวงฟองน้ำ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้ระบบไอทีมาสร้างระบบจัดการภายในอย่างเห็นผล ก็เป็นเรื่องจำเป็นไม่แพ้กัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us